ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 2 พฤษภาคม 2568 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 8,653.09 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์)ขายสุทธิ 10,604.47 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 55,945.46 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ(รายย่อย) ซื้อสุทธิ 75,203.03 ล้านบาท

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวช่วงที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงแรก ก่อนจะดีดตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ แม้ระหว่างสัปดาห์จะมีปัจจัยลบจากประเด็น Moody’s ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยลงมาเป็น “เชิงลบ” ก็ตาม โดยปัจจัยที่หนุนดัชนีหุ้นไทย ได้แก่ แรงซื้อหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งหลังผล ประกอบการไตรมาส 1/2568 ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ การปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ตลอดจนนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ มีท่าทีประนีประนอม และจีนกำลังพิจารณาข้อเสนอสำหรับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมในช่วงท้ายสัปดาห์จากการเปิดขายกองทุน Thai ESGX ซึ่งเป็นกองทุนรูปแบบใหม่ที่คาดว่าจะมีส่วนช่วยพยุงหุ้นไทย อย่างไรก็ดีกรอบการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยเริ่มจำกัดในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยเผชิญแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์จากประเด็นที่ Moody’s ปรับมุมมองแนวโน้มอันดับเครดิตของสถาบันการเงิน 7 แห่งเป็น “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ”

อนึ่ง สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับตัวลงสวนทางภาพรวม โดยเผชิญแรงขายทำกำไร เนื่องจากมีการตอบรับประเด็นเรื่องปรับลดดอกเบี้ยไปแล้วก่อนหน้านี้

แนวโน้มสัปดาห์นี้ (5-9 พฤษภาคม 2568)บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย  มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,170 และ 1,150 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,215 และ 1,225 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด (6-7 พฤษภาคม) ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเมษายนของไทย ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไทย ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ