บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรส อาหารสำเร็จรูป และเครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร และผู้ให้บริการผลิตสินค้าในรูปแบบ OEM รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2568 ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 785.6 ล้านบาท ลดลงประมาณ 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์แบรนด์ของบริษัทยังคงแสดงศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง ขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้าแผนฟื้นฟูสภาพคล่องอย่างเป็นระบบ พร้อมแสดงจุดยืนชัดเจนในการให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้นกู้และผู้มีส่วนได้เสียท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย

ทั้งนี้แม้เผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาท การเปลี่ยนแปลงทางการค้าในตลาดสหรัฐฯ และความท้าทายด้านการเงินภายในองค์กร ส่งผลให้ยอดขายรวมชะลอตัวลง แต่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 34.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท (Own Brand) เติบโตขึ้น 9.5% จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์การสร้างแบรนด์และการขยายช่องทางจัดจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักรภายใต้กลุ่ม Chuanglee ยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 7.6% จากไตรมาสก่อน แม้เผชิญแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ยังสะท้อนถึงศักยภาพในการรักษาฐานลูกค้าและความได้เปรียบด้านการจัดจำหน่ายในระดับนานาชาติ

จากภาวะสภาพคล่องที่ยังคงตึงตัว บริษัทมีกำหนดจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เพื่อขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามหุ้นกู้ โดยบริษัทยืนยันความมุ่งมั่นในการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้บางส่วนเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 และดำเนินการชำระส่วนที่เหลือภายในกรอบเวลาที่กำหนด

ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันหาแนวทางฟื้นฟูโครงสร้างทางการเงินอย่างยั่งยืน โดยได้รับการผ่อนผันเงื่อนไขบางประการจากธนาคารผู้ให้กู้ อาทิ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.56 และอัตราความสามารถในการชำระหนี้ (DSCR) ที่แม้ยังต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะสั้น

บริษัทยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยในไตรมาสนี้ บริษัทได้รับการรับรองเป็น “องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (CALO)” จากเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (TCNN) พร้อมเดินหน้าขยายโครงการ Waste Wait โดยรวบรวมขวดพลาสติก PET ไปผลิตเป็นชุด PPE ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนี้ยังส่งมอบอาหารส่วนเกินให้กับชุมชนผ่านมูลนิธิ SOS และร่วมกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาสำหรับผู้พิการทางสายตา

ด้านธรรมาภิบาล บริษัทได้รับการประเมิน CGR ระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และได้รับรางวัลด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน สะท้อนถึงการดำเนินงานภายใต้หลักความโปร่งใสและความรับผิดชอบ

อย่างไรก้ตามแม้ผลประกอบการในไตรมาสนี้จะสะท้อนถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกและภายใน แต่บริาัทยังคงมีจุดแข็งในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและแบรนด์สินค้าเป็นของตนเอง พร้อมการปรับแผนบริหารจัดการเพื่อควบคุมต้นทุนและรักษาฐานรายได้ ขณะเดียวกันยังแสดงความมุ่งมั่นในการดูแลผู้ถือหุ้นกู้และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างชัดเจน ด้วยทิศทางการปรับตัวที่สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถกลับมาสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนได้อีกครั้งในระยะกลางถึงระยะยาว

-033