** บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบรอบสัปดาห์นี้ ( 2-6 5 มิ.ย. 68)…โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มผันผวนเนื่องจากกลุ่มโอเปกพลัสมีมติคงนโยบายลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2569 ตามที่ได้ตกลงตั้งแต่เดือน ธ.ค. 67 พร้อมหารือโควตาใหม่สำหรับปี 2570 ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขณะเดียวกัน ศาลการค้าสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งยกเลิกภาษีศุลกากรที่ทางประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ใช้อำนาจตามกฎหมาย IEEPA เรียกเก็บจากประเทศต่างๆ โดยชี้ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์และอาจกระทบต่อระบบการค้าระหว่างประเทศในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ปรับขึ้นเกินคาดเนื่องจากบรรลุข้อตกลงภาษีกับจีนในช่วงก่อนหน้า ช่วยลดแรงกดดันจากสงครามการค้า ขณะที่ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งการเจรจานิวเคลียร์สหรัฐฯและอิหร่านที่ยังไร้ข้อสรุป รวมถึงความขัดแย้งรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง…ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล...ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล…** จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ..การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)...ถึงบทบาทของ กฟผ.ในการทบทวนร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP)...ล่าสุด กฟผ. ได้ออกมาชี้แล้วแล้วโดยระบุว่า.. ในกระบวนการจัดทำแผน PDP คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพยากรณ์และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และผู้แทนจาก 3 การไฟฟ้าร่วมเป็นอนุกรรมการ มีบทบาทหน้าที่ในการจัดทำข้อมูลความต้องการไฟฟ้าในระยะยาวของประเทศ รวมทั้งวิเคราะห์และให้ข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาจัดทำร่างแผน PDP ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และทิศทางพลังงานของโลก เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป กฟผ. ขอให้มั่นใจว่าร่างแผน PDP ดังกล่าวได้มีการพิจารณาครอบคลุมทุกมิติ ทั้งความมั่นคงทางพลังงาน ต้นทุนค่าไฟที่เหมาะสม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ อีกทั้งล่าสุด กฟผ. ได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ในการรักษาระดับค่าไฟฟ้าไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย ในรอบเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม 2568…** บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO….กำลังลุ้นว่า...โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ RE Biglot รอบที่ 2 ในรูปแบบ Feed-in Tarff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงในส่วนพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน หรือ ไฟฟ้าสีเขียว...นโยบายของภาครัฐจะมีความชัดเจนเร็วๆนี้..ซึ่ง EGCO ได้รับการคัดเลือกจำนวน 11 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 448 เมกะวัตต์....นอกจากนี้ EGCO ยังสนใจความเป็นไปได้ในโครงการ Alaska LNG …โดยจะต้องศึกษาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติม และในเบื้องต้น EGCO เป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตการเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ( LNG Shipper) ของไทยที่มีการนำเข้า LNG เพื่อมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว จึงมีความเป็นไปได้ที่จะจัดซื้อ LNG เพิ่มเติมในอนาคตเพื่อมาใช้กับโรงไฟฟ้าในไทย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้....และในช่วงที่เหลือของปี 2568 นี้ EGCO ยังมีแผนขยายการลงทุน ตามงบประมาณที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และก๊าซฯ เพื่อให้บรรลุการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ภายในปี 2573…** ปัจจุบันผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ไม่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้านั้น มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตอย่างชัดเจน…ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้เปิดรับฟังความเห็น “หลักเกณฑ์การอนุญาตสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองและหรือจ้างผู้อื่นผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการตนเอง (IPS)” ระหว่างวันที่ 26 พ.ค.-10 มิ.ย. 2568 ทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ. ซึ่ง กำหนดรูปแบบกิจการผลิตไฟฟ้าที่สามารถดำเนินการได้ โดยแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.โครงการที่อยู่นอกพื้นที่เฉพาะ และ 2.โครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะ ได้แก่ การนิคมอุตสาหกรรม, เขตประกอบการอุตสาหกรรมและสวนอุตสาหกรรม…โดยโครงการที่อยู่นอกพื้นที่เฉพาะ แบ่งได้ 3 รูปแบบ คือ 1.ผลิตไฟฟ้าด้วยตัวเอง (นิติบุคคลเดียว) โดยต้องอยู่ในพื้นที่ของผู้ใช้ไฟฟ้า (พื้นที่ที่ผู้ใช้ไฟฟ้ามีกรรมสิทธิ์) และไม่ผ่านพื้นที่สาธารณประโยชน์และพื้นที่เอกชนอื่น จึงจะสามารถดำเนินการได้
2.ให้ผู้อื่นผลิตไฟฟ้าให้เพื่อใช้ในกิจการของตัวเอง (สองนิติบุคคล) โดยต้องอยู่ในพื้นที่ของผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้ใช้ไฟฟ้าต้องยินยอมให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเข้าใช้ประโยชน์ในการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าบนพื้นที่ของผู้ใช้ไฟฟ้า รวมถึงต้องไม่ผ่านพื้นที่สาธารณประโยชน์และพื้นที่เอกชนอื่น จึงจะสามารถดำเนินการได้ และ 3. รูปแบบโครงการที่นอกเหนือจากข้อ 1 และ 2 ดังกล่าว ซึ่งมีการผ่านพื้นที่สาธารณประโยชน์หรือพื้นที่เอกชนอื่น หรืออยู่นอกพื้นที่ผู้ใช้ไฟฟ้าบางส่วน/ทั้งหมด หรือมีการผลิตไฟฟ้าให้แก่ 2 นิติบุคคลขึ้นไปนั้น จะยังไม่สามารถดำเนินการได้…ส่วนโครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะ (การนิคมอุตสาหกรรม, เขตประกอบการอุตสาหกรรมและสวนอุตสาหกรรม) สามารถดำเนินการได้ ทั้งรูปแบบตามข้อ 1-3 โดยผู้ผลิตไฟฟ้าต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง…สำหรับโครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะบางส่วน เช่น โรงไฟฟ้าอยู่นอกพื้นที่นิคมฯ และมีระบบจำหน่ายไฟฟ้าออกนอกนิคมฯ เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในนิคมฯ เป็นต้น สามารถดำเนินการได้ตามรูปแบบโครงการนอกพื้นที่เฉพาะตามข้อ 1-2 …ทั้งนี้การดำเนินโครงการในรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากหลักเกณฑ์การอนุญาตดังกล่าวข้างต้น เช่น การซื้อมาขายไป หรือการนำไฟฟ้าไปจำหน่ายต่อให้แก่เอกชนอื่น ,การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer Energy Trading หรือ กรณีลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าขายไฟฟ้าคืนให้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้า เป็นต้น ยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการเป็นการทั่วไป...**
**กระบองเพชร**
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี