นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ได้เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ,นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ,นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ,ม.ล.ภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อรับทราบข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายแนวทางดำเนินการจากการประชุมเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568
โดยมีความคืบหน้าที่สำคัญคือ การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย ผ่านการตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ระดับจังหวัด เพื่อตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน จับกุม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี โดยมีนิติบุคคลเป้าหมาย จำนวน 46,918 ราย เพื่อให้แต่ละจังหวัดตรวจสอบธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และรายงานผลให้ทราบภายใน 3 เดือน
สำหรับในการประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อผลักดันการขับเคลื่อนนโยบายของนายกรัฐมนตรีให้เกิดผลเป็นรูปธรรมใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การจดทะเบียนบริษัทนอมินี 2.การลักลอบนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน 3.การสวมสิทธิแอบอ้างเป็นสินค้าไทย 4.โรงงานต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และ5.การถ่ายลำสินค้า(Transshipment)
ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเร่งด่วน เช่น กรมการค้าต่างประเทศ ประสานสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) ใช้กฎหมายกับ e-Commerce Platform, กรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบคุณภาพสินค้าในเขต Freezone ,ประสานกรมประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลการดำเนินงานและสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้ประกอบการ, พัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้า และปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการถ่ายลำสินค้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการจัดระเบียบสินค้านำเข้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงสั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมการค้าต่างประเทศ เร่งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมอบหมายงาน และรายงานผลต่อคณะกรรมการฯโดยเร็ว”นายพิชัย กล่าว
โดยตั้งแต่เดือนกันยายน 2567-พฤษภาคม 2568 หน่วยงานภายใต้คณะกรรมการฯดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายกว่า 57,739 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,287 ล้านบาท เก็บภาษีนำเข้าสินค้าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ 1,875 ล้านบาท พร้อมใช้มาตรการ Notice and Takedown ลบสินค้าผิดกฎหมายจากออนไลน์กว่า 14,976 รายการ ดำเนินคดีกับธุรกิจนอมินี 861 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 15,296 ล้านบาท
ในขณะเดียวกันเพื่อรับมือกับการไหลทะลักของสินค้านำเข้าจากมาตรการภาษีของต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งลดระยะเวลาการไต่สวนมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้าให้เหลือไม่เกิน 1 ปี และจับมือภาคเอกชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาใช้มาตรการ Safeguard ป้องกันตลาดภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
นายพิชัย กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้จัดประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมาย คณะใหญ่ ในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อขับเคลื่อนข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี