MERCEDES-BENZ EQE 300 ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ผสานความหรูหรา สมรรถนะที่โดดเด่น และเทคโนโลยีล้ำสมัย  สามารถเดินทางได้ไกล  651 กม. / การชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

EQE 300 มาในแพ็กเกจ Electric Art + Night Package กระจังหน้าลาย Mercedes-Benz Pattern และไฟหน้า LED High Performance พร้อมระบบ Adaptive Highbeam Assist ทำให้การเดินทางในยามค่ำคืนปลอดภัยและดูดีอย่างมีระดับ ภายในห้องโดยสารสะท้อนปรัชญา “Progressive Luxury” ด้วยการตกแต่งแบบ Electric Art Interior วัสดุ High-gloss black  ผสาน Laser-cut backlit trim ให้ความรู้สึกโมเดิร์นล้ำยุค ทุกการสัมผัส ตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เบาะนั่ง Comfort พร้อมระบบดันหลังและปรับไฟฟ้า ก็ล้วนออกแบบมา เพื่อความสบายตลอดเส้นทางไกล

ขณะที่หน้าจอ OLED ขนาด 12.8 นิ้ว กลางคอนโซล และหน้าจอแสดงผลดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อ iOS / Android ได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมระบบ MBUX7 + AI ที่จดจำผู้ขับด้วย Fingerprint Scannerไม่ว่าจะเปิดเพลงโปรด เช็คเส้นทางด้วยแผนที่ 3 มิติ หรือ วางแผนจุดแวะชาร์จไฟ ก็สามารถทำได้ง่ายดาย นอกจากนี้ ยังมีระบบนำทางแบบ Hard-disc Navigation พร้อมข้อมูลจราจรแบบ Real-time และสัญญาณ 5G จาก Mercedes me connect ช่วยให้วางแผนการเดินทางได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนเชื่อมต่อโลกภายนอกได้ทุกที่ แม้ในช่วงทางขึ้นภูเขา

ช่วงการทดสอบ  EQE 300 ผู้เขียนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในช่วงค่ำ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ เชียงคาน เมืองริมโขง  และด้วยสมรรถนะที่โดดเด่น ของ EQE 300 มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ติดตั้งที่ล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า พร้อมแรงบิด 550 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 7.3 วินาที ทำให้ทุกการเร่งแซง บนเส้นทางหลวงสายมิตรภาพ ไปจนถึงทางคดเคี้ยว สู่ภูเขา เป็นไปอย่างมั่นใจและนุ่มนวล ช่วงล่างหนึบ ยึดเกาะถนนดีมาก ด้วยแบตเตอรี่ ขนาด 89 kWh EQE 300 สามารถเดินทางได้ไกล  ถึง 651 กม./ การชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง  (มาตรฐาน WLTP) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึง เชียงคาน แบบไร้ความกังวลเรื่องสถานีชาร์จระหว่างทาง โดยรองรับการชาร์จด่วน DC สูงสุด 170 kW ใช้เวลาเพียง 32 นาที จาก 10–80% และชาร์จ AC เต็ม 100% ในช่วงเวลากลางคืน ภายในบ้านหรือที่พัก

เส้นทางขึ้นสู่ ภูทอก หรือ การขับเลียบแม่น้ำโขงในช่วงเช้า อาจท้าทาย แต่ EQE 300 ก็พร้อมรับมือด้วย ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ ทั้ง Active Lane Keeping Assist, Blind Spot Assist, DISTRONIC พร้อม Radar Adaptive Cruise Control, Parking Package พร้อมกล้องรอบคัน รวมถึง ระบบ PRE-SAFE®  ที่ช่วยลดความเสี่ยงก่อนเกิดเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

หลังจากขับ MERCEDES-BENZ EQE 300 ออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเลย ด้วยระยะทางรวมกว่า 600 กม. แบตเตอรี่ยังเหลือพอให้วิ่งได้อีกราว 80 กม. ซึ่งถือว่าน่าประทับใจ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ให้ทั้งสมรรถนะ และระยะทางใช้งานได้จริง  เมื่อมาถึงตัวเมืองเลย ผู้เขียนเริ่มมองหาสถานีชาร์จ เพื่อเติมไฟก่อนเข้าสู่โค้งสุดท้ายที่ อ.เชียงคาน แล้วก็พบป้าย EV Station PluZ ภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ขนาดใหญ่ทันที ความดีใจยังไม่ทันจาง กลับพบว่าทั้งสองช่อง มีรถ EV จอดชาร์จอยู่แล้วเรียบร้อย ด้วยแบตเตอรี่ที่ยังเหลือพอ และระยะทางจากตัวเมืองเลยถึงเชียงคานอีกไม่ถึง 50 กม. ผู้เขียนตัดสินใจไม่รอและขับต่อไปยัง เชียงคาน  เพราะจำได้ว่ามีสถานีชาร์จรองรับอยู่ที่ปลายทาง

และเมื่อขับมาถึง  EV Station PluZ  อ. เชียงคาน ภาพเดิมก็ปรากฏซ้ำอีกครั้ง  มีรถ EV กำลังชาร์จอยู่ทั้งสองช่องเช่นกัน คราวนี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องรอ และเมื่อถึงคิว ขั้นตอนการชาร์จไฟ รวมทั้งเวลารอคิว ก็กินเวลาไปราว 1 ชม. ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผล แต่ก็เตือนให้เรานึกถึงความสำคัญของ “แผน B” เสมอเมื่อเดินทางไกล ด้วยรถไฟฟ้า 

โดยสรุปแล้ว MERCEDES-BENZ EQE 300 ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะไฟฟ้า ที่พาเราจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การเดินทาง ที่เติมเต็มทั้งความหรูหรา และความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะที่เหนือชั้น และระยะทางที่ใช้งานได้จริงถึง 651 กม. ต่อการชาร์จเต็ม คือ สิ่งที่ทำให้ EQE 300 แตกต่างจาก EV ทั่วไป และเมื่อพิจารณาจากราคาค่าตัว 3.97 ล้านบาท กับสิ่งที่ได้รับทั้งดีไซน์  ระบบความปลอดภัย ความสบาย และความประหยัดในระยะยาว คงไม่ถือว่า    “แพงเกินไป” สำหรับคนที่มองหายานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ครบเครื่อง ทั้งภาพลักษณ์ และประสิทธิภาพ ต้องลองขับ EQE 300 ด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ แล้วคุณอาจจะหลงรักตั้งแต่ยังไม่กดคันเร่ง                                                                                                                                          

 นิติ  โมราวรรณ