ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) ได้เผยแพร่รายงานจากผลสำรวจล่าสุดประจำปี 2568 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้จัดการฝ่ายบริหารเงินทุนสำรองของธนาคารกลางมากกว่า 9 ใน 10 (หรือกว่า 95%) คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะเพิ่มการถือครองสำรองทองคำอย่างต่อเนื่องในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และเป็นสถิติที่สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปี 2562 โดยเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับผลสำรวจปี 2567
ทั้งนี้จากการสำรวจทุนสำรองทองคำของธนาคารกลาง ประจำปี 2568 (Central Banks Gold Reserves: CBGR) ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากธนาคารกลางทั่วโลกจำนวน 73 แห่ง พบว่าเกือบ 43% ของธนาคารกลางมีแผนที่จะเพิ่มทุนสำรองทองคำภายในปีหน้า (2569) ความนิยมในทองคำของผู้จัดการฝ่ายบริหารเงินทุนสำรองยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ราคาทองคำจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์และธนาคารกลางมีการซื้อทองคำต่อเนื่องมาแล้ว 15 ปี
นอกจากนี้ทองคำยังคงถูกใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงกดดันผู้จัดการฝ่ายบริหารเงินทุนสำรองอย่างต่อเนื่อง โดยแรงจูงใจหลัก 3 ประการในการถือครองทองคำได้เปลี่ยนมาเป็น วิธีการเก็บรักษามูลค่าในระยะยาว (80%) บทบาทอันสำคัญในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ (81%) และผลการดำเนินงานในช่วงวิกฤต (85%)
จากการสำรวจพบอีกว่าธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets and Developing Economies: EMDE) ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อสัดส่วนทองคำในพอร์ตการลงทุนสำรองภายในประเทศ โดยผลสำรวจพบว่า 28 จาก 58 ประเทศ (48%) ในกลุ่ม EMDE คาดการณ์ว่าปริมาณทองคำสำรองของตนจะเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า เมื่อเทียบกับ 3 จาก 14 ประเทศ (21%) ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้า (Advanced Economy) ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา แม้ว่าระดับอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญของทั้งสองกลุ่มในการถือครองทองคำ แต่อัตราเงินเฟ้อ (84%) และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ (81%) กลับเป็นปัจจัยหลักสำหรับกลุ่ม EMDE ในขณะที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้ามีความกังวลในประเด็นเดียวกันที่ 67% และ 60% ตามลำดับ
สำหรับข้อมูลที่น่าสนใจคือ ธนาคารกลางจำนวนมากขึ้นหันมาเก็บทองคำไว้ภายในประเทศ โดย 59% ระบุว่ามีการเก็บทองคำในคลังภายในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 41% ในปี 2567 และผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ (73%) มองว่าการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐในทุนสำรองของประเทศจะลดลงในระดับปานกลางถึงมากในอีก 5 ปีข้างหน้า และ ผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่าสกุลเงินอื่น ๆ เช่น ยูโรและเงินหยวน รวมถึงทองคำ จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน
ด้านนายซาไก ฟาน (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลก ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า หลังจากได้มีการจัดทำแบบสำรวจนี้มาเป็นเวลา 8 ปี เราได้ค้นพบข้อมูลสำคัญ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าธนาคารกลางเกือบครึ่งที่ตอบแบบสำรวจมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการถือครองทองคำในปีหน้า ข้อมูลนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงราคาทองคำที่ทำสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้งในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมด้านเศรษฐกิจโลกและภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ในขณะที่โลกเผชิญกับความไม่แน่นอนและความปั่นป่วน โดยธนาคารกลางต่างเผยถึงความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และความไม่มั่นคง ซึ่งล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้หันมาใช้ทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี