กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.60-33.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.80 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 32.43-32.94 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันโดยประธานเฟดระบุว่าทั้งเศรษฐกิจและตลาด
แรงงานอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง และเฟดตั้งใจที่จะรอความชัดเจนเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการค้าและการคลังที่
ผลกระทบยังไม่แน่นอน อีกทั้งมองว่ากำแพงภาษีจะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น สะท้อนว่าเฟดไม่รีบที่จะกลับไปลดดอกเบี้ย สำหรับค่ากลางประมาณการ Dot Plot ชุดใหม่บ่งชี้ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้รวม 50bps อย่างไรก็ดี รายละเอียดของ Dot Plot ที่เสียงแตกมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าทิศทางนโยบายจะขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)พยายามลดแรงกดดันต่อพันธบัตรรุ่นระยะยาว ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) คงดอกเบี้ยตามคาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 9,727 ล้านบาท และ 13,367 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นจะหนุนค่าเงินดอลลาร์ในระยะสั้นหลังสหรัฐฯเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับการสู้รบในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ประธานเฟดจะแถลงต่อสภาวันที่ 24-25 มิถุนายน เรายังคงคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เมื่อมีสัญญาณตลาดแรงงานชะลอลงชัดเจนและผลต่อเงินเฟ้อจากภาษีนำเข้าน้อยกว่าที่กังวล อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดระบุว่าต้นทุนพลังงานอาจสูงขึ้นจากความเสี่ยง
ภูมิรัฐศาสตร์ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าช็อคด้านพลังงานมักไม่กระทบเงินเฟ้ออย่างยั่งยืน อนึ่ง เรามองว่าประมาณการล่าสุดของเฟดบ่งชี้ภาวะ stagflation ที่เศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อสูงขึ้นจะยังคงเป็นประเด็นลบต่อค่าเงินดอลลาร์ในระยะกลาง
สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันที่ 25 มิถุนายน แต่โทนการสื่อสารจะปูทางสำหรับการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า ขณะที่ปัจจัยการเมืองเพิ่มความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจ ทางด้าน กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือนพฤษภาคม เติบโต 18.4% ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 38 เดือน ส่วนยอดนำเข้าเดือนพฤษภาคมขยายตัว 18.0% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 1.12 พันล้านดอลลาร์
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี