วันเสาร์ ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
คต. โชว์ผลงานครึ่งปีแรก พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนแผนการค้าครึ่งปีหลัง

คต. โชว์ผลงานครึ่งปีแรก พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนแผนการค้าครึ่งปีหลัง

วันศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 13.10 น.
Tag :
  •  


นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ในฐานะหน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจการค้าของประเทศ ที่มีพันธกิจสำคัญในการยกระดับการอำนวยความสะดวกทางการค้า พัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในทุกระดับ และมุ่งสร้างความเข็มแข็งและความเป็นธรรมทางการค้า พร้อมปกป้องและรักษาผลประโยชน์สูงสุดทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทย ให้สามารถฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจและสถานการณ์ผันผวนทางการค้าระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี และเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์กรมฯ ใหม่ที่ว่า "ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความสำเร็จบนเวทีการค้าโลก ด้วยกฎระเบียบ มาตรการ มาตรฐาน และการให้บริการอย่างมืออาชีพ" กรมฯ จึงได้เร่งขับเคลื่อนแผนงานตามภารกิจของกรมฯ อย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของกรมฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค. - มิ.ย.) และแผนการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2568 (ก.ค. - ธ.ค.) ดังนี้ 


1. การบริหารจัดการสินค้าเกษตรสำคัญ (ข้าว/มันสำปะหลัง)
1.1 สินค้าข้าว 
1) สถิติการส่งออกสินค้าข้าวไทยของปี 2568 (ม.ค. - พ.ค.) ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 3.05 ล้านตัน ลดลง 25.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีปริมาณส่งออกอยู่ที่ 4.10 ล้านตัน และมีมูลค่า 63,098 ล้านบาท (ประมาณ 1,878 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ลดลง 34.03% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 95,645 ล้านบาท (ประมาณ 2,688 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
เหตุผลที่การส่งออกข้าวลดลง ได้แก่ (1) ปริมาณผลผลิตข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่เหมาะสมแก่การเพาะปลูก (ในปี 2568 คาดว่าผลผลิตข้าวโลกจะมีประมาณ 541 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 17 ล้านตัน)  (2) อินเดียกลับมาส่งออกข้าวได้ตามปกติและมีปริมาณผลผลิตข้าวภายในประเทศปริมาณกว่า 150 ล้านตัน ทำให้แซงจีนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลก นอกจากนี้ อินเดียมีสต็อกข้าวปริมาณกว่า 60 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18%) จึงมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคาเมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออกอื่น และ (3) ประเทศผู้นำเข้าสำคัญโดยเฉพาะอินโดนีเซียมีความต้องการนำเข้าข้าวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 
2) ตลาดส่งออกสินค้าข้าวที่สำคัญ ได้แก่ อิรัก โดยไทยส่งออกข้าวไปอิรักมากเป็นอันดับหนึ่งที่ปริมาณ 0.41 ล้านตัน คิดเป็น 13.44% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด (เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.89%) รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 0.37 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 8.82%) แอฟริกาใต้ 0.28 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 21.74%) จีน 0.25 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 78.57%) และฟิลิปปินส์ 0.13 ล้านตัน (ลดลง 55.17%) 
ทั้งนี้ ไทยส่งออกข้าวลดลงประมาณ 25.61% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังสามารถส่งออกข้าวไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง อเมริกา และยุโรปได้เพิ่มขึ้น โดยไทยส่งออกข้าวไปภูมิภาคแอฟริกามากที่สุดที่ปริมาณ 0.97 ล้านตัน คิดเป็น 31.80% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด (ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.01%) รองลงมา ได้แก่ ภูมิภาคเอเชีย 0.79 ล้านตัน (ลดลง 56.83%) ภูมิภาคตะวันออกกลาง 0.56 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 12.00%) ภูมิภาคอเมริกา 0.48 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 6.67%) ภูมิภาคยุโรป 0.16 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 33.33%) และภูมิภาคโอเชียเนีย 0.09 ล้านตัน (ลดลง 18.88%) 
3) แผนงานส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทย ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2568 (ก.ค. - ธ.ค.) ทั้งออนไซต์และออนไลน์ เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยและช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวไทยตลอดทั้งปี ดังนี้
(1) จัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาขยายตลาดและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (3 – 6 ส.ค. 68) และประเทศญี่ปุ่น (7 – 10 ก.ย. 68)
(2) ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ ได้แก่ งาน Summer Fancy Food Show 2025 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา (29 มิ.ย. – 1 ก.ค. 68) งาน Fine Food Australia 2025 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย (8 – 11 ก.ย. 68) งาน China-ASEAN EXPO (CAEXPO) 2025 ครั้งที่ 22 ณ เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน (17 – 21 กัก.ย. 68) และงาน ANUGA 2025 ณ เมืองโคโลญจน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (4 – 8 ต.ค. 68)
(3) จัดงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention (TRC) สัญจร 2025
(4) ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคข้าวอินทรีย์ไทย “Healthy life by Thai Organic Rice” ร่วมกับร้านอาหาร หรือ Key Influencers ที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ และเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
1.2 สินค้ามันสำปะหลัง 
1) ปริมาณ มูลค่า และตลาดส่งออกสินค้ามันสำปะหลังปี 2568 (ม.ค. - พ.ค.) 
(1) ไทยส่งออกมันสำปะหลัง ปริมาณ 4.06 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 37.16% จากปีก่อนที่มีปริมาณส่งออกที่ 2.96 ล้านตัน และมีมูลค่าประมาณ 45,358.32 ล้านบาท (1,351.09 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ลดลง 7.11% จากปีก่อน ที่มีมูลค่าประมาณ 51,848.40 ล้านบาท (1,454.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
(2) ตลาดส่งออกสำคัญ (มูลค่า) ได้แก่ จีน (51.38%) ญี่ปุ่น (9.41%) อินโดนีเซีย (7.41%) มาเลเซีย (4.12%) สหรัฐอเมริกา (4.00%) และอื่น ๆ (23.68%) 
(3) ปริมาณและมูลค่าการนำเข้า ปี 2568 (ม.ค.- พ.ค.) ไทยนำเข้าหัวมันสดและมันเส้นรวม 3.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 9.97% จากช่วงเดียวกันของปี 2567 
2) แผนงานส่งเสริมการตลาดเพื่อขยายตลาดมันสำปะหลัง ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2568 (ก.ค. - ธ.ค.) 
(1) จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ปี 2568 (World Tapioca Conference 2025) ณ กรุงเทพมหานคร (29 - 31 ก.ค. 68)
(2) จัดคณะผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และสื่อมวลชน เดินทางไปเจรจาขยายตลาดและผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลัง ณ ตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ เช่น ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ช่วงเดือน ส.ค. 68
(3) มีแผนจัดซื้อข้อมูลมันสำปะหลังและสินค้าที่เกี่ยวข้องจากผู้ให้บริการข้อมูลของจีนประจำปี 2568 ผ่านการเป็นสมาชิกผู้ให้บริการ online ทางเว็บไซต์ ทำให้รับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสินค้ามันสำปะหลังและสินค้าที่เกี่ยวข้อง คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และแอลกอฮอล์ ตลอดจนรับทราบนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ของตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของไทยรวมทั้งประเทศคู่แข่งสำคัญ 



2. การใช้มาตรการเยียวยาทางการค้า (AD/CVD/SG/AC) กรมการค้าต่างประเทศทำหน้าที่ปกป้องและสร้างความเป็นธรรมทางการค้าให้แก่ผู้ผลิตในประเทศที่ได้รับผลกระทบและความเสียหายจากการทุ่มตลาด การอุดหนุน และการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น 
2.1 ปัจจุบันมีการใช้มาตรการเยียวยาทางการค้า ดังนี้
1) มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping: AD) ไทยมีการบังคับใช้มาตรการ AD กับ 22 ประเทศ 22 กรณี โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าเหล็ก และไทยถูกใช้มาตรการ AD จาก 18 ประเทศ 73 กรณี (สินค้าเหล็ก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง ฯลฯ) 
2) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duties: CVD) ไทยยังไม่มีการใช้มาตรการ CVD แต่ถูกใช้มาตรการ CVD จาก 3 ประเทศ 7 กรณี ได้แก่ อินเดีย 4 กรณี (ลวดทองแดง, ไม้อัด, ท่อทองแดง, กรดไขมันอิ่มตัว) สหรัฐอเมริกา (เหล็กแผ่นรีดร้อน, เซลล์แสงอาทิตย์) และเวียดนาม (น้ำตาล)
3) มาตรการปกป้อง (Safeguard Measures: SG) ไทยไม่มีการใช้มาตรการ SG แต่ถูกใช้มาตรการ SG จาก 9 ประเทศ 19 กรณี (สินค้าเหล็ก เคมีภัณฑ์ และอื่น ๆ)
4) สำหรับงานแก้ต่างที่ต่างประเทศต้องการใช้มาตรการกับสินค้าส่งออกของไทย กรมฯ มีหน้าที่จัดทำข้อคิดเห็น/ข้อโต้แย้ง และให้คำปรึกษากับผู้ส่งออกไทยในการตอบแบบสอบถาม และเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ต่าง CVD ที่รวบรวมข้อมูลส่งให้หน่วยงานต่างประเทศประกอบการไต่สวน
5) มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (Anti-Circumvention: AC)  ไทยมีการบังคับใช้มาตรการ 1 กรณี คือ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออัลลอยจากผู้ผลิตจีน 17 ราย และไทยถูกใช้มาตรการ AC จาก 3 ประเทศ 6 กรณี


2.2 แผนการดำเนินงานการใช้มาตรการเยียวยาทางการค้า ในช่วง 6 เดือนหลัง ปี 2568 (ก.ค. - ธ.ค.)
1) งานไต่สวน อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอ AD 2 กรณี AC 3 กรณี และ Safeguard 1 กรณี
2) การให้คำปรึกษาผู้ประกอบการเพื่อยื่นคำขอใช้มาตรการฯ AD 9 กรณี SG 3 กรณี และ AC 2 กรณี
3) การจัดอบรม/สัมมนาผู้ประกอบการ
4) การตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิด (Pre-verification) ผ่านระบบ ROVERs PLUSซึ่งกรมฯ มีแผนดำเนินโครงการพัฒนาการเชื่อมโยงระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบไร้กระดาษ (ROVERs PLUS) กับแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางภาครัฐเพื่อพัฒนาการเชื่อมโยงการให้บริการระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบไร้กระดาษ (ROVERs PLUS) ของกรมฯ กับแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง 
5) การตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิด สำหรับรายการสินค้าเฝ้าระวังผ่านระบบ ROVERs PLUS กรมฯ ดำเนินการออกประกาศ ปรับปรุงบัญชีรายการสินค้าเฝ้าระวังในการส่งออกไปสหรัฐฯ
จาก 49 รายการ เป็น 65 รายการ คาดว่า จะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 68
6) การตรวจสอบการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย (Circumvention) โดยการสุ่มตรวจสอบกระบวนการผลิตสินค้าของผู้ส่งออกที่ได้ขึ้นทะเบียนรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง ภายใต้กรอบความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Wide Self-Certification: AWSC) การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองในการส่งออกไปสมาพันธรัฐสวิสและราชอาณาจักรนอร์เวย์ (REX) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของไทย โดยมีกำหนดตรวจสอบในเดือน ส.ค. - ก.ย. 68

3. การป้องกันการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าไปสหรัฐอเมริกา
กรมฯ มีแนวทางเพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไปของไทย สำหรับรายการสินค้าเฝ้าระวังในการส่งออกไปสหรัฐฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สหรัฐฯ ว่าสินค้าที่ส่งออกมีถิ่นกำเนิดไทยจริง ดังนี้
3.1 การจัดประชุมร่วมกับ 2 หน่วยงานที่มีอำนาจในการออก Form C/O ได้แก่ หอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยให้กรมฯ เป็นหน่วยงานเดียวในการออก Form C/O สำหรับการส่งออกสินค้าเฝ้าระวังไปสหรัฐฯ
3.2 การปรับปรุงรายการสินค้าเฝ้าระวัง กรมฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการทบทวนและปรับปรุงบัญชีรายการสินค้าเฝ้าระวังจำนวน 49 รายการ โดยจะเพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวังอีก 16 รายการ ทั้งนี้ หากดำเนินการปรับปรุงรายการสินค้าเฝ้าระวังแล้วเสร็จ กรมฯ จะออกประกาศอย่างเป็นทางการเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
3.3 การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ กรมฯ อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าให้มีความเข้มงวดก่อนการออก Form C/O โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการตรวจสอบสถานประกอบการอย่างละเอียดถี่ถ้วน และการพิจารณาเอกสารการส่งออกอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะสินค้าเฝ้าระวังที่จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าวจะเป็นความร่วมมือระหว่างกรมฯ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด โดยจะเริ่มตรวจสอบสถานประกอบการในเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2568
3.4 การประสานความร่วมมือกับกรมศุลกากรไทย เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย กรมฯ อยู่ระหว่างประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกรมศุลกากร โดยความร่วมมือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายศุลกากร และเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าส่งออกของไทยอย่างมีประสิทธิภาพ
3.5 การมีส่วนร่วมและเพิ่มศักยภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมฯ จะดำเนินความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหอการค้าไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความเข้าใจและการปฏิบัติตามขั้นตอนการออก Form C/O รูปแบบใหม่ โดยจะดำเนินการผ่านการจัดประชุมหารือ การสัมมนา และการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ 

4. การรับมือกับผลกระทบจากสงครามการค้า จากการที่สหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีอัตราต่างตอบแทน ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีกับสินค้าจากประเทศที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ประเทศต่างๆ อาจประสบปัญหาในการส่งออกมากขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นจากการขึ้นภาษี ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง อาจนำไปสู่ปัญหาสินค้าทะลัก เนื่องจากผู้ส่งออกอาจหันไปส่งออกสินค้าผ่านประเทศที่สามเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่สูงขึ้น หรือสินค้าที่เคยส่งออกไปยังประเทศที่ถูกขึ้นภาษีอาจถูกระบายมายังประเทศอื่นแทน ซึ่งกรมฯ มีแนวทางการรับมือกับผลกระทบจากสงครามการค้า ดังนี้
4.1 ในกรณีที่ผู้ผลิตในประเทศได้รับความเสียหายจากสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากสถานการณ์เบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion) กรมฯ สามารถดำเนินการไต่สวนมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard) ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในจากการทะลักของสินค้านำเข้า โดยการเรียกเก็บอากรเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ. มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550
4.2 วันที่ 29 เม.ย. 68 และวันที่ 6 มิ.ย. 68 กรมฯ ได้จัดประชุมร่วมกับภาครัฐ (สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า) และหน่วยงานภาคเอกชน (สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) เพื่อร่วมกันเฝ้าระวังและกำหนดกลุ่มสินค้าที่มีความเสี่ยงที่อาจทะลักเข้ามาไทยมากขึ้นจากผลการใช้มาตรการทางการค้าของประเทศต่าง ๆ และติดตามสถานการณ์การนำเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะนำข้อมูลนำเข้ารายสินค้ามาประเมินสถานการณ์ตามหลักเกณฑ์การเปิดไต่สวนมาตรการ Safeguard
4.3 กรมฯ จะเร่งกระชับกระบวนการไต่สวนมาตรการ Safeguard ให้สั้นกว่าที่กฎหมายกำหนด (กฎหมายกำหนดให้ไต่สวนเสร็จสิ้นภายใน 270 วัน) ในระหว่างกระบวนการไต่สวนสามารถใช้มาตรการชั่วคราวได้ โดยสามารถใช้บังคับหลังจากเปิดไต่สวนได้เมื่อมีหลักฐานชัดแจ้งว่าการนำเข้าทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงเพื่อป้องกันความเสียหายเร่งด่วน และใช้บังคับไม่เกิน 200 วัน
4.4 กรมฯ จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการไต่สวนให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการเริ่มทดลองใช้ระบบ Electronic-Trade Remedy Platform (e-TR) ในการยื่นคำขอ/กระบวนการไต่สวนออนไลน์ และพัฒนาระบบ AI เพื่อใช้สนับสนุนกระบวนการไต่สวนของเจ้าหน้าที่

-032
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • บีโอไอ เคาะมาตรการหนุน Local Content นำร่องอุตฯ EV - เครื่องใช้ไฟฟ้า บีโอไอ เคาะมาตรการหนุน Local Content นำร่องอุตฯ EV - เครื่องใช้ไฟฟ้า
  • บีโอไอ ตั้ง “ทีมตรวจสอบพิเศษ” ตรวจกลุ่มอุตฯเสี่ยงต่อการปฏิบัติผิดเงื่อนไข บีโอไอ ตั้ง “ทีมตรวจสอบพิเศษ” ตรวจกลุ่มอุตฯเสี่ยงต่อการปฏิบัติผิดเงื่อนไข
  • บอร์ดบีโอไอไฟเขียวลงทุน 2 โครงการ มูลค่ากว่า 2.8 หมื่นล้าน บอร์ดบีโอไอไฟเขียวลงทุน 2 โครงการ มูลค่ากว่า 2.8 หมื่นล้าน
  • การค้าชายแดนและผ่านแดนไทย 5 เดือนแรก โต 11.0% การค้าชายแดนและผ่านแดนไทย 5 เดือนแรก โต 11.0%
  • “พาณิชย์“ จับตาใกล้ชิด กรณีแอบอ้างข้าวหอมมะลิไทยในจีน “พาณิชย์“ จับตาใกล้ชิด กรณีแอบอ้างข้าวหอมมะลิไทยในจีน
  • จดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ 5 เดือนแรก ลดลง 5.68% แต่มีทุนเข้ามาเพิ่ม 11.89% จดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ 5 เดือนแรก ลดลง 5.68% แต่มีทุนเข้ามาเพิ่ม 11.89%
  •  

Breaking News

อายุเป็นเพียงตัวเลข! 'แอน สิเรียม'เปิดโหมดแซ่บ สวมชุดวันพีซสีฟ้าอวดหุ่นสวยเป๊ะ

เหยื่อลงเชื่อ! 'หมอดู'อ้างปลุกเสกซิมการ์ด ใช้แล้วดวงพุ่งแรงค้าขายดี เจริญรุ่งเรือง

4 จุดผ่านแดนสระแก้ว ข้ามได้! ซื้อของจำเป็น-เรียน-รักษา-กลับบ้าน

ฝนถล่มเวเนซุเอลา น้ำท่วมหนักซัดสะพานขาด กระทบการจราจร5รัฐ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved