นายสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัดกล่าวว่า การร่วมมือของ ทรูมันนี่ และ ทรู กับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในแคมเปญ ‘รีบโอน โจรยิ้ม’ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มุ่งลดความเสี่ยงจากอาชญากรรมไซเบอร์ โดย ทรูมันนี่ มีการพัฒนาทั้งด้านเทคโนโลยีและฟีเจอร์ความปลอดภัย เครือข่ายความร่วมมือ การให้ความรู้ ตลอดจนการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ใช้งาน โดยในอนาคต ทรูมันนี่ จะยังคงเดินหน้าขยายความร่วมมือกับภาครัฐและพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดการเสริมเกราะป้องกัน และยกระดับภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลให้กับคนไทย
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรูมันนี่ ได้เดินหน้าปกป้องผู้ใช้งานจากภัยไซเบอร์ผ่าน 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1) เทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงรุก โดยเราได้พัฒนาระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ที่เรียกว่า TrueMoney 3X Protection ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI ตรวจ จับ และหยุดพฤติกรรมฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรม อุปกรณ์ และตำแหน่งที่ตั้งแบบเรียลไทม์ เพื่อหยุดธุรกรรมต้องสงสัยก่อนเกิดความเสียหาย 2) ความร่วมมือเชิงลึกกับภาครัฐ ผ่านการแจ้งเตือนบัญชีต้องสงสัยและสนับสนุนข้อมูลวิเคราะห์เพื่อใช้ในกระบวนการสืบสวนแก่เจ้าหน้าที่และหน่วยงานภาครัฐ 3) การสื่อสารเพื่อสร้างความรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ให้กับผู้ใช้และประชาชน ผ่านแพลตฟอร์มและสื่อในเครือข่ายของทรูมันนี่ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนแคมเปญ “รีบโอน โจรยิ้ม” ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี และ 4) การตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ใช้งาน ที่พร้อมประสานหน่วยงานภาครัฐและให้คำปรึกษาในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีบริการสายด่วนแจ้งเหตุต้องสงสัยและภัยทางการเงินผ่านเบอร์ 1240 กด 6 สำหรับรับแจ้งเหตุฉุกเฉินและอายัดบัญชีตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ทรูมันนี่ ในการสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่มั่นคง ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถใช้ชีวิตและทำธุรกรรมในโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน อาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภัยหลอกลวงจากการให้โอนเงิน ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของจำนวนคดี มูลค่าความเสียหาย และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ข้อมูลล่าสุดจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 - พฤษภาคม 2568 มีคดีออนไลน์สะสมแล้วกว่า 900,000 เรื่อง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 91,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยสูงถึง 77 ล้านบาทต่อวัน โดย 5 อันดับคดีออนไลน์ที่เกิดขึ้นมากที่สุด ได้แก่ การหลอกซื้อขายสินค้าหรือบริการ 44.85% การหลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน 12.40% การหลอกให้กู้เงิน 9.29% การหลอกลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 7.27% และการข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) 6.46% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการหลอกลวงที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นภัยใกล้ตัวที่ประชาชนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน
โดยในอนาคต ทรูมันนี่ ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและมีเแผนเปิดตัวฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ ๆ เพิ่มเติม เพื่อยกระดับความปลอดภัยและลดความเสี่ยงให้กับผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างระบบนิเวศการเงินดิจิทัลที่ยั่งยืน
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี