นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่สหรัฐอเมริกาได้แจ้งอย่างเป็นทางการว่าจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยในอัตราสูงถึง 36% ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดที่สูงกว่าที่ภาคเอกชนประเมินไว้และสูงกว่าหลายประเทศคู่แข่งในภูมิภาค เช่น เวียดนาม (20%) อินโดนีเซีย (32%) และมาเลเซีย (25%) ซึ่งสะท้อนว่าไทยกำลังเสียเปรียบในเชิงการแข่งขัน โดยระบุว่า ในระยะสั้นผู้ประกอบการน่าจะเกิดอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดีปัจจุบันรัฐบาลเองก็กำลังเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือในระยะสั้น โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบน่าจะได้รับการเยียวยาเป็นที่น่าพอใจ แต่ในระยะยาวถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะการสนร้างความเชื่อมั่นต้องมาจากโครงสร้างทั้งระบบ ต้องแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันได้หรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น จึงต้องรอผลในภาพรวมว่ารัฐบาลจะมีโครงการสำคัญ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และจุดแข็งของประเทศอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นภาพใหญ่
โดยปัจจุบัน กนอ. มีบริษัทที่สนใจจะเข้ามาลงทุนค้างอยู่ประมาณ 5,000-8,000 ไร่ ซึ่งล่าสุด กนอ. กำลังเตรียมเสนอเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการ (voice of Customer) ให้กับกระทรวงอุตสาหกรรมพรุ่งนี้ (10 ก.ค. 68) เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจในภาพใหญ่ของประเทศต่อไป
“เวลานี้ถือว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการรวบรวมข้อเสนอของแต่ละหน่วยงานเพื่อออกมาตรการช่วยเหลือในไม่ช้านี้ โดยต้องเรียนว่าการตัดสินใจในการทำธุรกิจไม่ใด้ใช้เวลาเพียง 1-2 วัน แต่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากประกอบการลงทุน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าจะไปลงทุนประเทศใดก็ต้องหาข้อมูลให้แน่ชัดก่อน ดังนั้นกรณีดังกล่าวนี้นักลงทุนเองก็ต้องรอดูบทสรุปที่ชัดเจนอย่างเป็นทางการก่อน อย่างไรก็ดีเชื่อว่าแม้สุดท้ายไทยจะไม่ได้รับการปรับลดภาษีจาก 36% แต่ก็จะมีนักลงทุนบางส่วนที่มองในภาพรวมทั้งหมด ยกเว้นผู้ผลิตที่ส่งออกไปสหรัฐฯเท่านั้น”นายสุเมธกล่าว
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ใช้ในการประกอบการตัดสินใจก็ไม่ใช่จะมีแค่ผลประโยชน์ที่จะได้รับที่จะเป็นแรงจูงใจเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูฐานลูกค้าด้วยว่ามีไหนบ้าง ไม่ใช่มองแค่ที่สหรัฐฯ ยกเว้นผู้ที่ผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯเท่านั้น โดยมองว่าภาพรวมในการทำธุรกิจต้องมีการตัดสินใจอย่างรอบครอบจากทุกปัจจัยนำมาบวกลบกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นเวลานี้ผู้ประกอบการ หรือนักลงทุนก็อยู่ในช่วงรอการตัดสินใจ (Wait and see) มากกว่า
นายสุเมธ กล่าวว่า หากผู้ประกอบการเลือกไปลงทุนที่เวียดนามก็ยังมีปัจจัยที่ต้องกังวลเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการให้บริการไฟฟ้ายังคงไม่เสถียร และมีพายุเข้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไทยมีศักยภาพมากกว่า เพราะภาคอุตสาหกรรมมีปัจจัยที่ละเอียดอ่อนหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม ต้องเรียนว่าแม้ไทยจะมีข้อได้เปรียบเรื่องโครงสร้างพื้นที่ดีกว่า แต่หากไม่ดำเนินการอย่างใดเลย เชื่อว่านักลงทุนก็อาจจะย้ายฐานการผลิตได้เช่นเดียวกัน แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะมีการดำเนินการอย่างแน่นอน และในความคิดส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะทำได้ดี
นายสุเมธ กล่าวว่า กนอ. มีการเตรียมความพร้อมเรื่องของข้อมูลให้กับรัฐบาล แต่ไม่ว่าไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีที่เท่าไหร่เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค. 68 ก็ต้องขึ้นอบยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล เพราะสุดท้ายต้องใช้งบกลางอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปสู่ระบบ ซึ่งหากทำได้ถูกที่ถูกทางผลกระทบก็จะบรรเทาลง เช่น กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจะดึงออกมาใช้เวลานี้หรือไม่ เพื่อเป็นการเซฟ ซ่อม สร้าง ตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตามในส่วนของมาตรการรองรับผลกระทบนั้นที่กนอ.สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเลย คือการบริหารค่าใช้จ่าย รวมถึงลดต้นทุนของผู้ประกอบการ เช่นค่าเช่า โดยมีการเตรียมแพคเกจเพื่อเสนอบอร์ด กนอ. วันที่ 16 ก.ค. 68 ซึ่งเวลานี้ก็ได้มีการหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องก่อนนำเสนอ โดยก่อนหน้านี้ก็ได้มีการเสนอทางออกไปแล้วบ้างว่าจะปรับลดส่วนใดได้บ้าง แต่เป็นระยะสั้นและขอการสนับสนุนจากงบประมาณกลาง
“ตอนนี้ต้องทำเป็นแพคเกจร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน อีกทั้งไทยถือว่ายังพอมีเวลา โดยในช่วงสัปดาห์นี้เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จ เพราะมีความพร้อมมากในการตั้งรับ โดยรัฐบาลทำการบ้านอย่างหนักเพื่อรวมให้เป็นแพคเกจเดียว เพราะอุตสาหกรรมจะต้องมีการดำเนินการที่ต่อเนื่องซึ่งเบื้องต้นได้มีการหารือกับผู้ประกอบการแล้ว โดยบางส่วนเริ่มมีมีความกังวลเรื่องความต้องการที่จะหายไป แต่ผู้ประกอบการนิคมฯเองก็ยังมั่นใจ เพราะบางอุตสาหกรรมไม่ได้ถูกกระทบ โดยส่วนที่ได้รับผลกระทบก็เริ่มเห็นผลแล้วก่อนหน้านี้บ้างแล้ว”นายสุเมธ กล่าว
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี