ความหลากหลายทางเทคโนโลยีเป็นกลยุทธ์ที่มาห์เล (MAHLE) ยึดถือมาโดยตลอด และยังเป็นรูปแบบที่มีความหวังมากที่สุดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า (e-mobility) ยังขยายตัวได้ช้า มาห์เลจึงขอเน้นย้ำว่า นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ 100% แล้ว วงการอุตสาหกรรมควรสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงระบบไฮบริดและระบบเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ (range extender) โดยอาร์นด์ ฟรานซ์ (Arnd Franz) ซีอีโอของมาห์เล ได้เรียกร้องที่งาน MAHLE Tech Day ณ เมืองชตุทท์การ์ท ขอให้ยุโรปแก้กฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเร็ว เพื่อให้กฎหมายมีผลครอบคลุมกับเทคโนโลยีการเผาไหม้ที่ยั่งยืนและเชื้อเพลิงหมุนเวียนด้วย
“ในฐานะซัพพลายเออร์ เราต้องการให้กฎหมายมีความเป็นกลางทางเทคโนโลยี (technology neutrality) เพื่อที่เราจะได้เดินหน้าอย่างรวดเร็วในการปกป้องสภาพภูมิอากาศ เพื่อที่ความเชี่ยวชาญและจุดแข็งด้านนวัตกรรมของอุตสาหกรรมยานยนต์ยุโรปจะยังคงเติบโตต่อไปในยุโรป รวมทั้งการรักษาอัตราการจ้างงานในยุโรป และช่วยให้เศรษฐกิจของยุโรปสามารถกลับมาเข้มแข็งได้ดังเดิม”
โดยมาห์เลไม่เพียงมุ่งเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งหมดด้วย เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างความยืดหยุ่น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวนในปัจจุบัน
ความเป็นกลางทางเทคโนโลยี เพื่อลดการปล่อย CO₂ และกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายอาร์นด์ ฟรานซ์ ซีอีโอของมาห์เล กล่าว เรามีความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนในเรื่องการปกป้องสภาพภูมิอากาศ และพร้อมผลักดันระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า (e-mobility) นอกจากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแบตเตอรี่แล้ว มาห์เลยังลงทุนในระบบไฮบริดและระบบเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่เพื่อที่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าใช้งานได้ในสถานการณ์จริงมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศต่าง ๆ เช่น จีน โดยคาดว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ระบบเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่จะมีส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 15% ต่อปีจนถึงปี 2573 และมาห์เลมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการเติบโตนี้
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงศักยภาพของเชื้อเพลิงหมุนเวียน แผนการปกป้องสภาพภูมิอากาศในภาคการจราจรทางถนนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะสมบูรณ์ไปไม่ได้หากปราศจากเชื้อเพลิงหมุนเวียน ซึ่งนอกจากไฮโดรเจนที่ใช้ในภาคการขนส่งแล้ว เชื้อเพลิงชีวภาพสามารถสนับสนุนการเดินทางส่วนบุคคล (individual mobility) ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
ขณะเดียวกันการที่จะบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศนั้น รถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนนจะต้องใช้เชื้อเพลิงชีวภาพและเชื้อเพลิงสังเคราะห์ให้ได้ในสัดส่วนถึง 30% ภายในปี 2573 “เทคโนโลยีของมาห์เลสามารถรองรับการใช้เชื้อเพลิงหมุนเวียนได้โดยตรงอย่างไม่มีข้อจำกัด
“สหภาพยุโรป (EU) ได้เดินมาถึงช่วงเวลาที่จะต้องตัดสินใจแล้ว “การปรับปรุงกฎหมาย CO₂ ในยุโรปต้องไม่ล่าช้า เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทำงานโดยใช้เชื้อเพลิงที่เป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ จะต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางแก้ปัญหา” หากไม่มีการสนับสนุนด้านกฎระเบียบ มาห์เลอาจจะระงับการลงทุนในกิจกรรมเกี่ยวกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่ยั่งยืนในยุโรป”
มาห์เลชูกลยุทธ์ MAHLE 2030+ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ระบบส่งกำลังทุกประเภทที่มีส่วนช่วยปกป้องสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ยั่งยืน และการจัดการความร้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
ประสิทธิภาพขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
มาห์เลยังคงเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยปรับใช้โครงสร้างองค์กรใหม่ทั่วโลกในระยะเวลา 200 วัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับแต่ละภูมิภาคและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดซื้อ และปัจจุบันกำลังดำเนินโครงการ “Back on Track 2025” ซึ่งรวมมาตรการประหยัดพลังงาน เช่น การปิดอุปกรณ์ และการใช้ระบบความร้อนจากเซลล์แสงอาทิตย์
นอกจากนี้ มาห์เลยังส่งเสริมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยนำแมชชีนเลิร์นนิงมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการผลิตและการดำเนินงานในสำนักงาน ขณะที่เจเนอเรทีฟ เอไอ ช่วยเร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเห็นได้จากพัดลมหมุนเหวี่ยงแบบไบโอนิก (bionic radial blower) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปีกของนกเพนกวิน ทั้งนี้สามารถพบกับผลิตภัณฑ์นี้ได้ที่งาน IAA Mobility
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี