** บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์นี้ (28 ก.ค.-1 ส.ค. 68)….โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำมัน แม้ว่าล่าสุดการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปมีแนวโน้มใกล้บรรลุข้อตกลงมากขึ้น โดย เฟดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. ท่ามกลางความเสี่ยงเงินเฟ้อจากภาษีศุลกากรระดับสูง ขณะเดียวกันตลาดคาดโอเปกพลัสเตรียมเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีตลาดคาดจีนมีแนวโน้มเพิ่มการนำเข้าน้ำมันจากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น ขณะที่การเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่านยังคงมีความไม่แน่นอนและอาจนำไปสู่มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมจากกลุ่มประเทศ E3…ไทยออยล์...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 62-72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล...ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 64-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล...** บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ร่วมกับ บริษัท ธิสเซ่นครุปป์ อูเด้ห์ (ประเทศไทย) จำกัด และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ลงนามสัญญาความร่วมมือโครงการศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวและผลิตภัณฑ์คาร์บอนที่ยั่งยืน ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ภายใต้กรอบของโครงการ “H2Uppp” ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี การร่วมลงนามดังกล่าว เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว รวมถึงผลิตภัณฑ์คาร์บอนที่ยั่งยืน อาทิ อี-เมทานอล และ อี-มีเทน โดยใช้พลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย โดยครอบคลุมการศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสม การประเมินทรัพยากรในพื้นที่ และการวิเคราะห์ศักยภาพของตลาด ตลอดจนการจัดทำแผนแม่บท เพื่อพัฒนาโครงการในเชิงพาณิชย์ในอนาคต สอดรับกับพันธกิจของ ปตท. ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน...** บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ...เร่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ Energy Symphonics เดินหน้าธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน หรือ BESS (Battery Energy Storage System) ในพอร์ต Renewables+ เพื่อส่งต่อพลังงานเสถียรและสะอาด ที่สร้างกระแสเงินสด รองรับความต้องการพลังงานที่พุ่งสูงจากการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำให้จำนวนศูนย์ข้อมูล (Data Center) ทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง...ในการนี้ นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บ้านปูเน้นการลงทุนในธุรกิจที่สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 โดยเฉพาะระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ซึ่งกำลังกลายเป็น Gamechanger (ตัวแปรสำคัญ) ที่หลายประเทศนำมาใช้รองรับธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและสร้างความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้า ต่อยอดด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาบริหารจัดการพลังงาน ทั้งการกักเก็บและจ่ายไฟให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เราจึงขยายการลงทุนในแบตเตอรี่ฟาร์มในประเทศยุทธศาสตร์ เช่น ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ที่มีทั้งนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาดที่ชัดเจนและมีตลาดไฟฟ้าเสรีที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจ เราเชื่อมั่นว่านี่คือโอกาสสำคัญในการสร้างการเติบโต และเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว”…ไตรมาสที่ผ่านมา ธุรกิจ BESS จาก 2 ประเทศยุทธศาสตร์ของบ้านปูมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการพัฒนาโครงการระบบกักเก็บพลังงาน Kamigumi-Tokyo BESS ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Banpu Japan K.K. กับ Kamigumi Co., Ltd. บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์สัญชาติญี่ปุ่น การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการ Tono BESS กำลังการผลิต 58 เมกะวัตต์ชั่วโมง ในจังหวัดอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่แห่งแรกของบ้านปู เน็กซ์ และการลงนามในสัญญาร่วมพัฒนาโครงการระบบกักเก็บพลังงานวูรีน (Wooreen Energy Storage System: WESS) ในออสเตรเลีย โดยบริษัทย่อยของบ้านปู Banpu Energy Australia Pty Limited (BEN) กับ EnergyAustralia ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกไฟฟ้าชั้นนำในออสเตรเลีย...**BESS (Battery Energy Storage System) คือระบบกักเก็บไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เป็นธุรกิจที่อยู่ในตลาดที่มีกลไกซื้อขายไฟฟ้าเสรีสำหรับผู้ผลิตภาคเอกชน แบตเตอรี่นี้จะทำหน้าที่กักเก็บพลังงานที่มาจากแหล่งพลังงานที่หลากหลายในช่วงที่ผลิตได้มาก แล้วจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง สามารถสร้างเสถียรภาพและความต่อเนื่องให้กับพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนอาทิพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมได้...**การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กระทรวงพลังงาน... บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)...บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)…ร่วมพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “Small Modular Reactor School: Interregional Workshop on Key Aspects of SMR Development and Deployment”...ปัจจุบันระบบพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย กำลังเผชิญความท้าทาย ทั้งการจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ในต้นทุนราคาที่เหมาะสม และสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ขณะที่พลังงานหมุนเวียนยังมีข้อจำกัด โรงไฟฟ้า Small Modular Reactor (SMR) จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่มีความน่าสนใจ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่ทันสมัย ทำให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น และสามารถนำไปติดตั้งได้อย่างยืดหยุ่นในหลายพื้นที่ ที่สำคัญยังเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว...ปัจจุบัน กฟผ. ได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทุกมิติมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้น (Pre-feasibility Study) ค้นหาพื้นที่ศักยภาพ ศึกษาเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสม และการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ตลอดจนประสานความร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศ และผู้พัฒนาเทคโนโลยี SMR ทั้งในด้านเทคนิค การลงทุน และกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบภายใต้หลักเกณฑ์ความปลอดภัย และการยอมรับของประชาชน ซึ่งต้องมีการสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อสร้างความไว้วางใจจากสาธารณชน...**
**กระบองเพชร**
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี