นางมธุวลี สถิตยุทธการ รองประธานบริหารฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ แบรนด์ (BRAND’S) ในประเทศไทยและอินโดไชน่า ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และ กล่องวิเศษ (บริษัท กล่องวิเศษ จำกัด) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เดินหน้าโครงการ “แบรนด์เก็บกลับ” หรือ “Triple B: Brand’s Bring Back” ประจำปี 2568
“โครงการ “แบรนด์เก็บกลับ” คือ หนึ่งในกิจกรรมที่สะท้อนถึงเจตนารมย์ของบริษัทฯ ในการดำเนินงานภายใต้ค่านิยม ‘Giving Back to Society’ (การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม) และนโยบาย 3Rs (Reduce – Reuse – Recycle) โดยมุ่งสร้างจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนไทยในการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางในโรงเรียน เพื่อให้ขยะได้รับการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ผ่านความร่วมมือกับภาคีภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และกล่องวิเศษ ในการประชาสัมพันธ์และดำเนินโครงการฯ โดยหลังจากเปิดตัวโครงการฯ เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มอบชุดสื่อการเรียนรู้แบบ Edutainment ด้านการคัดแยกขยะ จำนวน 450 ชุด ให้แก่โรงเรียนในสังกัด กทม. เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการเล่นและการลงมือทำ ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของโรงเรียนในฐานะศูนย์กลางการเรียนรู้ของเยาวชน เพื่อปลูกฝังเรื่องการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางในโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยล่าสุด ได้ร่วมกับภาคีจัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เวที Trash Talk : โรงเรียนเท่ ไม่เทรวม เพื่อแนะนำโครงการฯ และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะภายในโรงเรียนอย่างยั่งยืนให้กับคุณครูกว่า 120 คนจากโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ในการดำเนินงานด้านการคัดแยกขยะและธนาคารขยะรีไซเคิลในโรงเรียนให้สอดคล้องกับนโยบาย ‘ไม่เทรวม’ ของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ หลังจากครบกำหนดเปิดรับสมัครโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม โครงการฯ จะทำการคัดเลือก 10 โรงเรียน ที่จะได้รับการสนับสนุนกิจกรรมค่ายอบรมเชิงปฏิบัติการภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โรงเรียนละ 1 ค่าย และสนับสนุนชุดสื่อการเรียนรู้การจัดตั้งธนาคารขยะเพื่อนำไปต่อยอดการปลูกฝังจิตสำนึกในการคัดแยกขยะ เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในอนาคต
นายธนัญชัย วรรณสุข รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ ในฐานะหน่วยงานหลักในการกำกับดูแล และผลักดันนโยบายด้านการจัดการของเสียของประเทศ ซึ่งได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะของประเทศ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2565 – 2570) เพื่อเป็นแผนหลักสำหรับบูรณาการและขับเคลื่อนการดำเนินงานการจัดการขยะของประเทศ โดยภายใต้แผนดังกล่าว คพ. จะสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการจัดการขยะมูลฝอยไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่ง บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในเครือข่ายความร่วมมือที่ดำเนินการภายใต้โครงการ ’แบรนด์เก็บกลับ’ โดย คพ. ให้การสนับสนุนผ่านการมอบวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่จะหมุนเวียนเข้าร่วมและมอบองค์ความรู้ภายใต้กิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการฯ ซึ่งในกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ‘Trash Talk: โรงเรียนเท่ ไม่เทรวม’ ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ คพ. ได้ร่วมส่งต่อความรู้ในหัวข้อ ‘แนวทางการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการขยะภายในโรงเรียนอย่างยั่งยืน’ ให้กับคณะผู้บริหารสถานศึกษาและคุณครูที่เข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงเตรียมให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมค่ายอบรมเชิงปฏิบัติการที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยร่วมสังเกตการณ์และให้คำแนะนำในการถ่ายทอดองค์ความรู้ภายใต้กิจกรรมในโรงเรียน เพื่อให้ทั้ง 10 โรงเรียนนำร่องสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้จากค่ายไปต่อยอด ขยายผล และดำเนินการจัดตั้งธนาคารขยะรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “หนึ่งในวิสัยทัศน์และพันธกิจด้านความยั่งยืนที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร คือ การจัดการขยะเมืองอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขับเคลื่อนการจัดการขยะที่ต้นทางอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจเร่งด่วนที่เราให้ความสำคัญตามนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของผู้ว่าฯ กทม. ที่เน้นการรณรงค์ให้ความรู้และปลูกฝังเรื่องการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยที่ผ่านมา กทม. ได้เดินหน้าเผยแพร่ความรู้ในการคัดแยกขยะให้กับทุกโรงเรียนในสังกัด กทม. มาอย่างต่อเนื่อง โครงการ ‘แบรนด์เก็บกลับ’ เป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่แสดงถึงบทบาทสำคัญของความร่วมมือจากภาคเอกชน ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังเรื่องนี้ให้กับเยาวชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย ‘ไม่เทรวม’ ของ กทม. และเพื่อให้โครงการฯ ดำเนินไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ กทม. ได้มอบหมายให้สำนักการศึกษาให้การสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ เพื่อเชิญชวนให้โรงเรียนในสังกัดเข้าร่วมโครงการฯ และมอบหมายให้สำนักสิ่งแวดล้อมร่วมสนับสนุนวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะต้นทาง ในหัวข้อ ‘แยกจริง ไม่ทิ้งรวม ร่วมกันเก็บกลับ’ ให้แก่ผู้บริหารและคุณครูที่เข้าร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ‘Trash Talk: โรงเรียนเท่ ไม่เทรวม’นอกจากนี้ ทั้ง 2 สำนักจะร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินรางวัล ตลอดจนร่วมสังเกตการณ์ในแต่ละกิจกรรมเพื่อให้ข้อคิดเห็นสำหรับการพัฒนาหรือต่อยอดกิจกรรมเหล่านั้น นำไปสู่การเสริมสร้างความรู้ ปลูกฝังจิตสำนึกด้านการบริหารจัดการและการคัดแยกขยะที่ต้นทางให้แก่เยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างยั่งยืนต่อไป
โครงการ “แบรนด์เก็บกลับ” เปิดรับสมัครโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ที่สนใจร่วมโครงการฯ โดยต้องเป็นโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 200 คนขึ้นไป และจะคัดเลือก 10 โรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อรับการสนับสนุนกิจกรรมค่ายอบรมเชิงปฏิบัติการ ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โรงเรียนละ 1 ค่าย และชุดสื่อการเรียนรู้การจัดตั้งธนาคารขยะ เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาระบบการจัดการขยะภายในโรงเรียน รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของเยาวชนในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยโรงเรียนที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านช่องทาง tripleb.school@gmail.com หรือสามารถติดต่อสอบถามเพื่อขอรับแบบฟอร์มใบสมัครได้ที่ โทร. 061-887-1188
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี