นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้เห็นชอบการแก้ไขพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2560 ที่อยู่ภายใต้บีโอไอ เพื่อเพิ่มเครื่องมือสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ “เครดิตภาษี” ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ในการดึงดูดนักลงทุนเป้าหมาย ภายใต้กติกาภาษีใหม่ของโลก (Global Minimum Tax) อีกทั้งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรทักษะสูง โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาเพื่อพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วนต่อไป
ปัจจุบัน องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้กำหนดกลไกจัดเก็บภาษีขั้นต่ำจากบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้ของทั้งเครือ ตั้งแต่ 750 ล้านยูโรต่อปีขึ้นไป (ประมาณ 28,000 ล้านบาท) ซึ่งเดิมอาจได้รับสิทธิพิเศษจากประเทศต่าง ๆ ทำให้อัตราภาษีที่แท้จริง (Effective Tax Rate) ต่ำกว่าร้อยละ 15 โดย OECD กำหนดให้ประเทศที่รองรับการลงทุนหรือประเทศที่บริษัทแม่ตั้งอยู่ สามารถจัดเก็บ “ภาษีส่วนเพิ่ม” เพื่อให้ครบตามเกณฑ์ภาษีขั้นต่ำร้อยละ 15 ได้ ทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องทยอยออกกฎหมายเพื่อเก็บภาษีส่วนเพิ่มกับบริษัทข้ามชาติที่มีสาขาอยู่ในประเทศของตน รวมถึงประเทศไทยที่กระทรวงการคลังได้ออก พ.ร.ก. ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดยปัจจุบันมีบริษัทข้ามชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนและเข้าข่ายตามกฎหมายดังกล่าวประมาณ 1,500 ราย รวมทั้งบริษัทใหญ่ของไทยประมาณ 100 ราย ในขณะเดียวกัน ประเทศต่าง ๆ ก็เริ่มทยอยออกมาตรการบรรเทาผลกระทบของ Global Minimum Tax ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
นายนฤตม์ กล่าวว่า เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และจูงใจให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง บีโอไอจึงเสนอปรับแก้กฎหมายการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ที่อยู่ภายใต้บีโอไอ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ในรูปแบบเครดิตภาษี (Qualified Refundable Tax Credit: QRTC) ซึ่งเป็นเครื่องมือส่งเสริมการลงทุนตามแนวทางที่ OECD ยอมรับ เพื่อให้ประเทศไทยมีเครื่องมือดึงดูดการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษาฐานการผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ควบคู่กับการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง
“เครดิตภาษี (QRTC)” เป็นการอนุญาตให้นำเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ เช่น การวิจัยและพัฒนา การสร้างนวัตกรรม การพัฒนาบุคลากรทักษะสูง การยกระดับมาตรฐาน การลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ และความยั่งยืน ไปใช้คำนวณเป็นเครดิต ซึ่งเครดิตดังกล่าวสามารถนำไปใช้ชำระภาษีต่าง ๆ แทนเงินสด เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีส่วนเพิ่ม หรือภาษีอากรอื่นตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และหากผู้ได้รับการส่งเสริมใช้เครดิตภาษีนั้นแล้ว แต่ยังมีคงเหลือ สามารถขอคืนเป็นเงินสดได้ภายใน 4 ปี ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งเครดิตภาษีจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม เพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจได้ทันที และยังช่วยสนับสนุนให้มีการลงทุนเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ยังเห็นชอบให้ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมสตาร์ตอัปที่มีศักยภาพสูง ให้ตอบโจทย์ธุรกิจในช่วงเติบโต (Growth Stage) โดยใช้กลไกการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ภายใต้บีโอไอ แก่สตาร์ตอัปในลักษณะ Matching Fund โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นสตาร์ตอัปที่ได้รับเงินร่วมลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท จากกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) หรือที่จัดตั้งโดยสถาบันการเงินในประเทศ และบีโอไอจะพิจารณาสนับสนุนในวงเงินไม่เกินกว่ามูลค่าที่่ได้รับจาก VC แต่ทั้งนี้ ไม่เกิน 20 ล้านบาท ต่อราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและมุ่งขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น
มาตรการใหม่นี้จะมุ่งเน้นสตาร์ตอัปที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตรและอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การพัฒนาเทคโนโลยี AIและเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG) โดยผู้ได้รับการส่งเสริมจะต้องมีบุคคล/นิติบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 และกลุ่มผู้ก่อตั้ง (Founder) ต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
“การปรับปรุง พ.ร.บ. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ครั้งนี้ จะทำให้บีโอไอมีเครื่องมือใหม่ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั่วโลก ในยุคที่กติกาการเก็บภาษีขั้นต่ำของ OECD เข้ามามีอิทธิพลกับการตัดสินใจลงทุนระหว่างประเทศของบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยเครดิตภาษีหรือ QRTC จะเป็นเครื่องมือที่สอดคล้องกับกฎของ OECD และจะช่วยดึงดูดการลงทุนคุณภาพ โดยเฉพาะเม็ดเงินลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา การสร้างบุคลากรทักษะสูง และการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มาตรการส่งเสริมสตาร์ตอัปที่บอร์ดอนุมัติครั้งนี้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสและสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ตอัปไทย โดยเฉพาะในกิจการที่มีเทคโนโลยีสูงและเป็นจุดแข็งของประเทศ” นายนฤตม์กล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี