วันพุธ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
SCB WEALTH ชี้โอกาสลงทุนใหม่หลังภาษีทรัมป์เปลี่ยนเกมการค้าโลก

SCB WEALTH ชี้โอกาสลงทุนใหม่หลังภาษีทรัมป์เปลี่ยนเกมการค้าโลก

วันพุธ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 12.58 น.
Tag : ทรัมป์ ไทยพาณิชย์ ภาษี เศรษฐกิจ สหรัฐ SCB SCBWEALTH
  •  

SCB WEALTH จัดงานเสวนาออนไลน์ ผ่านทาง SCB WEALTH Line official ในหัวข้อ “ภาษีใหม่ = โอกาสใหม่? เปิดมุมมองเศรษฐกิจ และการลงทุน ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ ” โดยการผนึกกำลังกับทีม Holistic ได้แก่ SCB EIC, SCB CIO และ InnovestX  เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนแก่ลูกค้า SCB WEALTH และนักลงทุนทั่วไป หลังการประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 1 ส.ค. 2568 โดย SCB EIC ชี้การประกาศภาษีใหม่ที่ชัดเจนหนุนให้บรรยากาศเศรษฐกิจโลกผ่อนคลายขึ้น และช่วยให้มุมมองเศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นบ้าง เป็นโอกาสสำหรับธุรกิจไทย ในกลุ่มสินค้าที่เคยกังวลว่าจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯ ให้ต้องเร่งปรับตัวเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสินค้าสวมสิทธิไม่ให้โดนภาษีสหรัฐฯ สูงกว่าอัตราปกติ รวมทั้งยังเป็นโอกาสของกลุ่มสินค้าที่ไทยมีจุดแข็งในตัวและมีความสามารถในการแข่งขันสูงอยู่แล้ว เช่น อาหารแปรรูป กลุ่มเวลเนส และบรรจุภัณฑ์

ขณะที่ InnovestX มองภาษีชัดเจนดีต่อหุ้นไทย แนะเน้นลงทุนแบบ Selective กลุ่มที่ปรับตัวได้ดีรับมือภาษี โดยเฉพาะผู้เลี้ยงสัตว์ โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า และนิคมอุตสาหกรรม ขณะที่ SCB CIO มองภาพการค้าชัดเจน แต่การลงทุนยังมีความไม่แน่นอน ต้องจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง  รวมถึงการออกมาตรการตอบโต้จีนและรัสเซีย ที่นำเข้าน้ำมันรัสเซีย และติดตามศาลตัดสินการใช้อำนาจของประธานาธิบดีเก็บภาษีนำเข้าประเทศต่างๆ แนะนำกลยุทธ์จัดพอร์ตรับมือโอกาสจากนโยบายภาษีใหม่ โดยแบ่งพอร์ตเป็น Core และ Opportunistic ลงทุนหลากหลายเน้นสมดุล พร้อมชี้โอกาสจากตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และธีม AI


ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค SCB EIC   ธนาคารไทยพาณิชย์  เปิดเผยว่า การประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ เป็นความชัดเจน ทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจโลกผ่อนคลายมากขึ้น ค่าเฉลี่ยภาษีตอบโต้คู่ค้าสหรัฐฯ ทั่วโลกและเอเชียลดลงมาเหลือ 14% และ 17% ต่ำกว่าภาษีตอบโต้ไทยที่ 19% ซึ่งปรับลดลงจากเพดานที่สหรัฐฯ ตั้งไว้ 36% สอดคล้องกับหลายประเทศในอาเซียน ช่วยให้ไทยยังคงความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯ ได้ แต่ไทยยังคงมีความท้าทายในสินค้าบางประเภทที่เม็กซิโกเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดสหรัฐฯ ได้รับยกเว้นภาษีตามข้อตกลง USMCA รวมถึงความท้าทายที่ผู้ส่งออกไทยต้องเร่งปรับตัวเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในประเทศให้มากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสินค้าสวมสิทธิ (Transshipment) ที่จะอาจถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีอัตราสูงถึง 40% นอกจากนี้ อัตราภาษีไทยที่ต่ำลงนี้แลกมาด้วยข้อเสนอเปิดตลาดลดอัตราภาษี 0% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ กว่า 10,000 รายการ หรือราว 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ไทยไม่ได้ผลิตเอง หรือผลิตได้ไม่พอกับความต้องการ สินค้าเกษตรบางรายการจะเปิดตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือกำหนดโควต้าช่วยลดผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศในระยะสั้น ขณะที่ต้องจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในช่วงข้อตกลงลดภาษีตอบโต้กันชั่วคราว เนื่องจากจีนเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดสหรัฐฯ

SCB EIC อยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ หลังสหรัฐฯ เก็บภาษีไทยต่ำกว่าสมมติฐานที่ใช้คาดการณ์ในเดือน มิ.ย. 2568 ล่าสุดประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 และปี 2569 จะขยายตัวสูงขึ้นบ้างจากมุมมองเดิมที่ 1.5% และ 1.4% ตามลำดับ ในภาพรวมทิศทางเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะยังคงเติบโตต่ำและชะลอลงกว่าปีนี้ สาเหตุจากการส่งออกไทยจะต้องปรับตัวและเผชิญการแข่งขันสูงขึ้นในตลาดสหรัฐฯ และตลาดโลก อีกทั้งเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจหลายตัวแผ่วลง เช่น ภาคท่องเที่ยว การบริโภค ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเข้ามาหลายทาง ทั้งความเสี่ยงจากนอกบ้าน ในบ้าน และข้างบ้าน ภาพแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงมากเช่นนี้ยังต้องอาศัยนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้นและนโยบายการคลังช่วยกระตุ้น

โดยช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อีก 3 ครั้ง และจะมีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ทำให้คาดว่า อาจเห็นการตัดสินลดดอกเบี้ยนโยบายผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นอีก  2 ครั้ง รวม 50 bps อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปีจะไปอยู่ที่ 1.25% ในส่วนของค่าเงินบาทอ่อนค่าในช่วงสั้นจากปัจจัยขัดแย้งกับกัมพูชา แต่คาดว่าภายในสิ้นปีนี้เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าขึ้นได้จากแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดดอกเบี้ย และความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติที่จะกลับมาลงทุนในไทยมากขึ้นหลังเห็นความชัดเจนของภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ในอัตราใกล้เคียงภูมิภาค

สำหรับโอกาสของธุรกิจไทยจากภาษีใหม่ของสหรัฐฯ SCB EIC มองว่า โดยรวมมีทั้งปัจจัยที่ดูดีขึ้นและปัจจัยที่ยังต้องระมัดระวัง โอกาสอยู่ในกลุ่มสินค้าที่เคยกังวลว่าจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ขณะเดียวกันสินค้าส่งออกหลายกลุ่มก็อาจเสี่ยงเข้าข่ายสินค้าสวมสิทธิที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีเพิ่มถึง 40% ได้เช่นกันหากไม่เร่งปรับตัวเพิ่มห่วงโซ่อุปทานในประเทศและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โอกาสของธุรกิจไทยอีกกลุ่ม คือ กลุ่มสินค้าที่ชูจุดแข็งในประเทศสร้างมูลค่าและศักยภาพในการแข่งขัน เช่น อาหารแปรรูป เวลเนส และบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ ธุรกิจไทยอาจต้องระมัดระวังผลกระทบจากการเปิดให้นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในช่วงข้างหน้า

นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย Head of Research Department บริษัทหลักทรัพ์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด  (InnovestX ) กล่าวว่า ภาษีใหม่ที่ประกาศออกมามีความชัดเจน โดยไทยถูกคิดในอัตราที่ไม่ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและดีกว่าเวียดนามที่ถูกคิด 20% จึงถือเป็นโอกาสสำหรับเศรษฐกิจไทย โดย InnovestX ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 1.8% ดีขึ้นกว่าประมาณการเดิม จากสัญญาณการเจรจาการค้าที่ดีขึ้น เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกที่ดีกว่าคาด และการเมืองระหว่างประเทศที่แม้จะยังไม่แน่นอนแต่ภาพรวมเหตุการณ์คงไม่ลุกลามบานปลายแล้ว สำหรับผลกระทบจากภาษีใหม่นั้น เรามองว่า การส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะมีต้นทุนส่วนหนึ่งถูกส่งผ่านไปที่ผู้บริโภค แต่บางส่วนจะถูกส่งผ่านไปที่ผู้ขนส่ง และผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนเองบางส่วนด้วย ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร ขณะที่กำลังซื้อในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง อาจส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ผู้ผลิตอาหารสัตว์ อาหารทะเลแช่แข็ง และยา อาจได้รับผลกระทบจากการเปิดให้นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น 

สำหรับกลุ่มธุรกิจ ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่ ผู้เลี้ยงสัตว์ที่อาจได้ประโยชน์จากต้นทุนอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์ที่ลดลง กลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากนำเข้าตัวยาได้ถูกลง ในขณะที่ค่าบริการทางการแพทย์ไม่ได้ลดลงไปด้วย และกลุ่มโรงไฟฟ้า จากต้นทุนการนำเข้าก๊าซ LNG ต่ำลง และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่อาจมีการตัดสินลงทุนมากขึ้น หลังที่ผ่านมาชะลอเพื่อรอประเด็นภาษี

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา โดย SET index ปรับเพิ่ม 14% ซึ่งสะท้อนพัฒนาการของการเจรจาการค้าไประดับหนึ่งแล้ว นอกจากนั้นตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับมาลงทุนมากขึ้น หลังจากไหลออกมากในช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้นอาจระมัดระวังแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น สำหรับกลยุทธ์การลงทุนต้องเน้นคัดเลือกหลักทรัพย์ (Selective) มากขึ้น ในส่วนของ InnovestX ประเมินปัจจัยพื้นฐานของ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,250 จุด อย่างไรก็ตามหากกระแสเงินลงทุนยังไหลเข้ามาต่อเนื่อง SET Index อาจมี upside ให้กลับไปซื้อขายในระดับ PER ในอดีตที่ 14-16 เท่า หรือคิดเป็นระดับดัชนีที่ 1242-1,419 จุด

กลยุทธ์การลงทุนสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ อาจพิจารณาลงทุนในหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นช้า (Laggard) เช่น BDMS CPALL MINT MTC และ PTT สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูง แนะนำนักลงทุนในหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากจากการเจรจาสงครามการค้าในครั้งนี้ ได้แก่ AMATA BTG  CPF GPSC WHA

น.ส.เกษรี อายุตตะกะ ผู้อำนวยการ Investment Research SCB CIO  ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า แม้ความไม่แน่นอนทางการค้าปรับตัวดีขึ้น แต่ด้านการลงทุนก็ยังมีความไม่แน่นอนที่นักลงทุนยังวางใจไม่ได้ ใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1) การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ที่มีอยู่หลังจากนี้ เช่น จีน ที่จะมีการเจรจารอบถัดไป 2) ประเด็นที่จีนและอินเดียยังน้ำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอยู่ ซึ่งอาจทำให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาตรการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในอนาคต และ 3) ติดตามว่าศาลอุทธรณ์จะตัดสินกรณีการใช้อำนาจของประธานาธิบดี ทรัมป์ ว่าใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) หรือไม่ หากผลออกมาว่า เกินอำนาจ คาดว่าประธานาธิบดี ทรัมป์ จะเดินหน้ายื่นเรื่องไปยังศาลฎีกา และหากผลสุดท้ายออกมาว่าไม่สามารถใช้อำนาจประธานาธิบดีได้ ก็อาจทำให้ประธานาธิบดี ทรัมป์ ออกมาตรการภาษีอื่นที่ส่งผลกระทบเฉพาะบางรายการสินค้าแทน เนื่องจากต้องการหารายได้จากภาษีนำเข้าเพื่อไปชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่มากขึ้น จากการขยายเวลาปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลัง

ทั้งนี้ SCB CIO ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ Reciprocal Tariff แต่ไม่ถึงขั้นถดถอย โดย Consensus คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังเติบโตได้ 1.5% ในปีนี้ ขณะที่ เงินเฟ้อสหรัฐฯ น่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แม้ SCB CIO คาดว่า Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ แต่สัญญาณการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ลดลง คาดว่า จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้มากกว่า 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ดังนั้น ในส่วนของการลงทุนตราสารหนี้ เราแนะนำให้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้คุณภาพดี (Investment Grade) ของสหรัฐฯ ระยะสั้นถึงกลาง หลีกเลี่ยงตราสารหนี้สหรัฐฯ ระยะยาว เนื่องจากส่วนชดเชยความเสี่ยง (Term premium) ยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังสูงและแนวโน้มการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว มองว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้รับแรงสนับสนุนจากแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ย รวมถึงร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณขนาดใหญ่ (One Big Beautiful Bill) ของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่สนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ กำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยมองว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกับกระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังได้แรงหนุนจากการที่ทางการสหรัฐฯ ออกแผนเพื่อเร่งพัฒนา AI โดยเน้นลดข้อจำกัดทางกฎระเบียบ และ Hyperscalers ขนาดใหญ่ยังเพิ่มงบลงทุน (Capex) บนกลุ่ม AI ขณะที่ ยุโรป คาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวได้จากการใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลดดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนในยุโรปมีแนวโน้มถูกปรับประมาณการกำไรดีขึ้น ส่วนญี่ปุ่นนั้น จากการที่นายกรัฐมนตรีอิชิบะ พ่ายแพ้การเลือกตั้งทั้งในสภาบนและสภาล่าง ทำให้มีโอกาสที่จะลาออกช่วงปลายเดือน ส.ค. นี้ และมีการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ ที่มีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนมีทิศทางที่ดีขึ้น

ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่นั้น จีนยังมีแนวโน้มใช้นโยบายการคลังเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง การออกแผนยุทธศาสตร์ เช่น โครงการลงทุนเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำในทิเบต ทยอยออกนโยบายต่อต้านการแข่งขันที่มากเกินไป จนส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมจีน (anti-involution) ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนได้ ขณะที่ อินเดีย ซึ่งถูกคิดภาษีตอบโต้ 25% โดยภาพรวมอาจได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ เพียง 2% ของการส่งออกรวม และคาดว่าจะมีการออกนโยบายกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศมากขึ้น

น.ส.นิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายให้คำปรึกษาด้านความมั่งคั่งและการลงทุน SCB CIO กล่าวว่า สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนเพื่อรับมือโอกาสจากภาษีใหม่นั้น SCB CIO แนะนำกลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบสมดุล โดยเน้นกระจายความเสี่ยงผ่านการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็น 2 ส่วนคือ Core Portfolio พอร์ตลงทุนหลัก สำหรับเงินลงทุนส่วนใหญ่ และ Opportunistic Portfolio พอร์ตลงทุนส่วนเสริม สำหรับเงินลงทุนในสัดส่วนที่น้อยกว่า เพื่อหาโอกาสส่วนเพิ่มจากการลงทุน โดยสำหรับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง อาจจัดสรรสัดส่วนใน Core Portfolio 80% และ Opportunistic Portfolio 20%

สำหรับ Core Portfolio แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นถึงกลาง เนื่องจากมีโอกาสคาดหวังผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาได้จากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง สำหรับตลาดหุ้น แนะนำลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มได้รับอานิสงค์จากข้อตกลงทางการค้าที่หลายประเทศให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีนำเข้าในระดับ 0% อีกทั้งมีแนวโน้มลดดุลการค้าด้วยการนำเข้าสินค้าและลงทุนในสหรัฐฯมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในระยะถัดไป ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ยังคงน่าสนใจจากการที่อัตราภาษีตอบโต้ 15% ซึ่งต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะภาคการบริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความคาดหวังเชิงบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ภายหลังการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ เพื่อเสริมความมั่นคงของพอร์ตในภาวะที่ตลาดมีความผันผวน SCB CIO ยังแนะนำให้กระจายการลงทุนไปยัง ทองคำ เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และ สินทรัพย์ทางเลือกที่มีความสัมพันธ์ต่ำกับตลาดหลัก เช่น กองทุนรวมแบบ Multi-strategy ซึ่งบริหารจัดการโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนผสมผสาน ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม

ส่วน Opportunistic Portfolio แนะนำให้ลงทุนบนธีมแรงขับเคลื่อนขนาดใหญ่ (mega force) เช่น เทคโนโลยี AI ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยจะเห็นได้ว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มีการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ส่วนใหญ่ที่ดีกว่าคาดและยังประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะถัดไปว่ายังคงเป็นบวก ขณะที่กระแสเงินลงทุนในด้าน AI ก็มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะถัดไป

 

-031

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • Funding Societies เร่งเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการไทย ชี้การฟื้นวงจรเศรษฐกิจในประเทศต้องเริ่มที่ SME Funding Societies เร่งเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการไทย ชี้การฟื้นวงจรเศรษฐกิจในประเทศต้องเริ่มที่ SME
  • กองทุน TACTIVE7M1 บรรลุเป้าหมาย7%ใน4เดือน16วัน กองทุน TACTIVE7M1 บรรลุเป้าหมาย7%ใน4เดือน16วัน
  • โกลเบล็ก ประเมิน SET เดือน ส.ค. Sideway Up  รับข่าวดีภาษีนำเข้าสหรัฐฯ- แนะกลยุทธ์ เก็บของถูก โกลเบล็ก ประเมิน SET เดือน ส.ค. Sideway Up รับข่าวดีภาษีนำเข้าสหรัฐฯ- แนะกลยุทธ์ เก็บของถูก
  • SCB WEALTH จัดสัมมนา The Future of Wealth เจาะลึก Private Asset & Hedge Fund SCB WEALTH จัดสัมมนา The Future of Wealth เจาะลึก Private Asset & Hedge Fund
  • เศรษฐกิจCLMVเติบโตลดลง หลัง‘การค้าโลก-ปัจจัยภายใน’กดดัน เศรษฐกิจCLMVเติบโตลดลง หลัง‘การค้าโลก-ปัจจัยภายใน’กดดัน
  • สูญ1.7หมื่นล้าน/เดือน  ผลกระทบจากไทยปะทะกัมพูชา สูญ1.7หมื่นล้าน/เดือน ผลกระทบจากไทยปะทะกัมพูชา
  •  

Breaking News

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2568

‘ศุภณัฐ’สงสัย? กทม.เคาะงบฯ 10.4 ล้าน สอดไส้‘เที่ยวทิ้งทวนก่อนเกษียณ’

'เลขาฯ ปชป.'เผย 21 สส.ปชป. รับปากไม่ย้ายพรรค โวมีเสียงสส.เพิ่มแน่สมัยนี้

'นันยาง'ส่งมอบรองเท้าแตะ 9,999 คู่ ช่วยทหารชายแดน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved