นายปริทัศน์ เพชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมืองไทย แคปปิตอลหรือMTC เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกจะเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวลงจากปัจจัยต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว แรงกดดันจากการปรับขึ้นภาษีทางการค้าของสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตด้วยกลยุทธ์การขยายพอร์ตสินเชื่อผ่านเครือข่ายกว่า 8,433 สาขาทั่วประเทศ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ควบคู่กับนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม เพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มที่ยังคงพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบโดยมุ่งหวังให้ประชาชนได้รับบริการทางการเงินที่โปร่งใส เข้าถึงง่าย และเป็นธรรม พร้อมมีส่วนร่วมในการสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้แข็งแกร่งและยั่งยืนยิ่งขึ้น
ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ มีพอร์ตสินเชื่อรวม 174,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.02% รายได้รวม 7,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.45% และกำไรสุทธิ 1,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสามารถควบคุมคุณภาพหนี้เสีย (NPL) ไว้ที่ 2.62% ขณะที่ 6 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้รวม 14,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.84% และกำไรสุทธิ 3,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.55% เทียบช่วง 6 เดือนแรกของปีก่อน
สำหรับทิศทางธุรกิจในครึ่งหลังปี 2568 มั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตประมาณ 10-15% และควบคุมสัดส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไว้ให้ไม่เกิน 2.70% ตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งยังคงมุ่งมั่นส่งมอบโอกาสทางการเงินให้ครอบคลุมทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการระดับดีเลิศ (5 ดาว) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ควบคู่กับผลประเมินหุ้นยั่งยืน (ESG Ratings) ระดับ AAA จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ MSCI ESG Index ระดับ AA อีกทั้งยังได้รับอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาท (National Long-Term Rating) ที่ A-(tha) จาก Fitch Ratings สะท้อนความเป็นผู้นำในธุรกิจไมโครไฟแนนซ์มาตรฐานระดับโลก (World-class Thai Microfinance)ล่าสุดยังได้คว้ารางวัล “Best Micro Finance Company Thailand 2025” จากเวที Global Banking & Finance Awards สะท้อนความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติ
บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกเช่นบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC), องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(JICA)และบริษัทเพื่อการลงทุนและการพัฒนาแห่งเยอรมนี (KfW DEG) เป็นต้นและยินดีที่จะร่วมมือกับแหล่งเงินทุนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศอีกหลายแห่งในอนาคตเพื่อส่งเสริมศักยภาพลูกค้าในการดำเนินธุรกิจ สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน รักษาเสถียรภาพทางสิ่งแวดล้อม พร้อมเป็นที่พึ่งทางการเงินและเติบโตเคียงคู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี