นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ปี 2568 รับรู้กำไรสุทธิ 3,277 ล้านบาทลดลง 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการบันทึกบัญชีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 7,536 ล้านบาท

 รวมครึ่งแรกของ ปี 2568 มีรายได้รวม 16,030 ล้านบาท โดย 96% มาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า และ 4% มาจากธุรกิจอื่น ๆ ส่วนรายได้จากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในกิจการร่วมค้า เติบโตขึ้น 12% คิดเป็น 3,662 ล้านบาท

การดำเนินงานของบริษัทฯ มุ่งเน้นสร้างการเติบโตให้มีความต่อเนื่องและยั่งยืน โดยมีธุรกิจผลิตไฟฟ้าเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาสร้างรายได้ 15,307 ล้านบาท และรายได้ 15% ของรายได้รวมมาจากธุรกิจพลังงานทดแทนคิดเป็นเงิน 2,443 ล้านบาท บริษัทฯ ยังได้ปรับแผนยุทธศาสตร์และเร่งพัฒนายกระดับศักยภาพภายใน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ อีกทั้งยังมีการจัดการพอร์ตสินทรัพย์ให้รองรับกับทิศทางธุรกิจใหม่ ซึ่งจะเน้นหนักธุรกิจผลิตไฟฟ้า พลังงานทดแทน นวัตกรรมและสาธารณูปโภคด้านพลังงาน

“ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท สมาร์ท อินฟราเนท  และขายหุ้นบริษัท ติงส์ ออน เน็ต  ตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ อีกทั้งยังได้ให้ความสำคัญกับการบริหารประสิทธิภาพทางการเงิน เพื่อลดต้นทุนและจัดเตรียมเงินทุนสำหรับการลงทุนในอนาคต ปัจจุบัน บริษัทฯ มีวงเงินหุ้นกู้ที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น  35,000 ล้านบาท และเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทฯ ได้ระดมทุนผ่านสินเชื่อเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเพื่อความยั่งยืน หรือเงินกู้สีเขียว (Green loan)  5,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน รวมทั้งศึกษาและพัฒนาโครงการนวัตกรรมด้านพลังงานที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” นายนิทัศน์กล่าว

ฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีสินทรัพย์ 212,609 ล้านบาท หนี้สิน 109,110 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 103,499 ล้านบาท บริษัทฯ ยังคงมีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งสะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.05 เท่า และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 10.08%