นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศได้จัดทำ (ร่าง) ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การออกหลักฐานการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน - ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์ พ.ศ. .... กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการออกหลักฐานการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขความตกลง AANZFTA ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดยประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้สำหรับการขอใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลง AANZFTA ในการส่งสินค้าไปยัง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย สปป.ลาว และเวียดนาม

นายดวงอาทิตย์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความตกลง AANZFTA ใช้บังคับมาแล้ว 15 ปี ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2553 โดยตั้งแต่ปี 2564 กรมการค้าต่างประเทศได้เข้าร่วมการเจรจาเพื่อปรับปรุงข้อบทของความตกลง AANZFTA ในส่วนของการกำหนดกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) โดยนอกจากการปรับปรุงกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า 253 รายการให้สอดคล้องกับกระบวนการผลิตสินค้าในปัจจุบันมากขึ้นยังได้เพิ่มเติมข้อบทเพื่อรองรับรูปแบบทางการค้าใหม่ ๆ เช่น การอนุญาตให้แบ่งการส่งออก หรือการขายผ่านนายหน้าประเทศที่สามหลายทอด นอกจากนี้ หนึ่งในประเด็นสำคัญที่กรมการค้าต่างประเทศผลักดันจนสำเร็จ คือ การเพิ่มทางเลือกให้ผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาตของไทยให้สามารถใช้วิธีการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (Self-certification by Approved Exporter) เป็นวิธีการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพิ่มเติมจากเดิมที่มีเพียงรูปแบบของการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin – C/O) เท่านั้น เพื่อลดต้นทุนและลดภาระเอกสารส่งออกให้กับภาคธุรกิจในการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลง AANZFTA 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 รัฐสภาไทยได้ให้ความเห็นชอบในการให้สัตยาบันพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลง AANZFTA แล้ว โดยก่อนที่จะถึงวันบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างการดำเนินการในหลายด้านเพื่อรองรับการบังคับใช้ ได้แก่ การยกร่างประกาศกรมฯ ฉบับนี้ เพื่อกำหนดรูปแบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้ครอบคลุมทั้งแบบ C/O และ Self-certification และการปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้รองรับการออก C/O และการใช้ Self – Certification ดังกล่าว

กรมการค้าต่างประเทศ จึงขอเชิญหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศกรมการค้าต่างประเทศฉบับดังกล่าว ผ่านระบบกลางของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (www.law.go.th) หรือเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ (www.dft.go.th) ได้ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม – 2 กันยายน 2568 โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ DFT Call Center โทร. 1385 หรือกองสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 0 2547 5098

-032