PCE เปิดโรงสกัดเฟส2ก.ย. เพิ่มกำลังผลิตรับดีมานด์การส่งออก

PCE เปิดโรงสกัดเฟส2ก.ย. เพิ่มกำลังผลิตรับดีมานด์การส่งออก

วันอังคาร ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) เปิดเผยว่า โรงสกัดน้ำมันปาล์มเฟส 2 มูลค่าลงทุน 180 ล้านบาท มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก คาดจะแล้วเสร็จและสามารถเริ่มดำเนินงานได้ภายในเดือนกันยายน 2568 โดยโรงงานใหม่มีกำลังการผลิตประมาณ 1,800 ตันต่อวัน เมื่อรวมกับกำลังการผลิตโรงงานเดิมซึ่งอยู่ที่ 1,800 ตันต่อวัน จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 3,600 ตันต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัว และมีแผนขยายเฟส 3 เพิ่มเติมในช่วงกลางปี 2569 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 1,440 ตันต่อวัน เมื่อครบ 3 เฟสแล้ว จะสามารถรองรับผลผลิตได้ประมาณ 5,040  ตันต่อวัน เพื่อรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันที่มีการเติบโตต่อเนื่องในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ส่งผลดีต่อ Economy of Scale หรือการเพิ่มความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทได้รับแรงสนับสนุนจากผลผลิตปาล์มที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย โอกาสในการขยายตลาดส่งออก รวมทั้งบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตโรงสกัดน้ำมันปาล์มที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป ส่งผลให้การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ด้วยโครงสร้างที่เอื้อต่อการเติบโต โดยอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะถัดไป


“บริษัทใช้ความแข็งแกร่งจากโครงสร้างธุรกิจครบวงวงจรขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานน้ำมันปาล์มโลกเติบโต พร้อมกับภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยในไตรมาส 2/2568 ประกอบกับผลผลิตภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากคู่ค้า ซึ่งสนับสนุนให้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทเติบโตอย่างโดดเด่น โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้หลักรวม 11,173.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.7% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 105.5% จากไตรมาส 1/2568 ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากปริมาณการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ที่ลงกว่าระดับเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยตลาดต่างประเทศมีความต้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากภาวการณ์หดตัวของอุปทานปาล์มในตลาดโลก”นายพรพิพัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้ราคาขายของไทยในปัจจุบันมีความสามารถในการแข่งขันสูง อีกทั้งไทยยังได้รับการจัดอยู่ในกลุ่ม “ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ” ตามเกณฑ์ของระเบียบ EUDR ของสหภาพยุโรป จึงช่วยส่งผลให้ไตรมาส 2/2568 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 133.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.4% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 381.1%จากไตรมาส 1/2568 โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 1.2%

ทั้งนี้บริษัทมั่นใจรายได้ปี 2568 จะทะลุ 30,000 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยบริษัทยังคงมองหาโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ผ่านการขยายการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ สนับสนุนแนวโน้มผลการดำเนินงานในอนาคตให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top