นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. มีเป้าหมายที่แน่วแน่ในการขับเคลื่อนประเทศด้วย "First Industries" (การยกระดับอุตสาหกรรมเดิม) และ "Next-Gen Industries" (การสร้างอุตสาหกรรมใหม่) โดยเน้นการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ผ่านนโยบายหลักในการขับเคลื่อนคือ "4 GO" ได้แก่ Go Digital & AI, Go Innovation, Go Global และ Go Green พร้อมทั้งได้ดำเนินการที่เป็นรูปธรรมหลายด้าน เช่น การจัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม เพื่อสร้างความร่วมมือกับภาครัฐ และการผลักดัน 8 ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพเป้าหมาย ที่ใช้จุดแข็งด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศเป็นรากฐาน
โดยเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้จัดสัมมนาวิชาการ BIOTEC FTI Forum ครั้งที่ 6 ภายใต้หัวข้อ "Biotech Frontiers: Converging Sciences, Empowering the Future Economy" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Thailand Lab International 2025 โดยงานสัมมนานี้ กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ได้รับการสนับสนุนและร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย บริษัท วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด และพันธมิตร มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อยกระดับความรู้ ความเข้าใจ และเปิดมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพและแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
“อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) กำลังกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน”นายเกรียงไกรกล่าว
นายโฆสิต สุวินิจจิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งถือเป็น "ทุนทางธรรมชาติ" ที่สำคัญยิ่ง หากได้รับการต่อยอดด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม จะสามารถสร้างความแตกต่างและความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศได้ในระยะยาว การลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ของประเทศไทยเป็นคำตอบสำคัญสำหรับความท้าทายระดับโลก 4 ด้าน ได้แก่ ความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางสุขภาพ พลังงานสะอาดและความยั่งยืน และการดูแลสังคมสูงวัย การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพจึงไม่ใช่แค่การ "สร้างเศรษฐกิจ" แต่คือการ "สร้างอนาคต" ให้กับสังคมไทย
โดยภายในงาน ประกอบด้วยเนื้อหาที่มุ่งเน้นไปที่การผสมผสานองค์ความรู้จากหลากหลายสาขาวิชา ทั้งวิทยาศาสตร์ชีวภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศ และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio-economy) ที่ยั่งยืนและเข้มแข็ง เช่น Disruptive Herbal Technologies for the Future of Pet Care ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรสำหรับสัตว์เลี้ยงในรูปแบบที่ไม่ใช่แค่การใช้แบบดั้งเดิม แต่เป็นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและน่าเชื่อถือในเชิงวิทยาศาสตร์มากขึ้น
ทั้งนี้สัมมนาวิชาการ BIOTEC FTI Forum ครั้งที่ 6 ถือเป็นเวทีที่เชื่อมโยงความรู้สู่การปฏิบัติจริง และเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือระหว่างนักวิจัย ภาคอุตสาหกรรม และภาครัฐ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ เป็น "เครื่องยนต์ใหม่" ที่ทรงพลังที่สุดในยุคนี้
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี