นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูง อีกทั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯได้เข้ามาแทรกแซงความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้ตลาดการเงินคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างเร็วและแรง โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ ทั้งนี้ความผันผวนและความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ เริ่มส่งผลให้การจ้างงานในสหรัฐฯเริ่มชะลอลง และทำให้ความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯถูกบั่นทอนลง ส่งผลให้ในปี 2568 นี้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าไปแล้วเกือบ 10% ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณ 7% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน
ส่วนความท้าทายของเศรษฐกิจไทยตอนนี้ แม้จะมีความชัดเจนทางการเมืองแล้ว ก็ยังต้องติดตามในเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้เร็วเพียงใด เพราะจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงความกังวลเรื่องการพิจารณาอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐฯ ที่ 19% ซึ่งได้ผ่านการเจรจากับสหรัฐฯมาแล้วนั้นจะได้รับการพิจารณาจากสภาฯเร็วหรือช้าอย่างไร ซึ่งหากมีการพิจารณาที่ช้าไปก็อาจจะไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ ทำให้อาจจะมีผลต่อภาคส่งออกของไทยได้เช่นกัน
น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 เพิ่มขึ้นเป็น 1.8% จากเดิม 1.5% จากแรงหนุนการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯก่อนมาตรการภาษี ตามมาตรา 232 และภาษีสินค้าอ้อมผ่านประเทศที่สาม (Transshipment) มีผลบังคับใช้ ทำให้การส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังอาจชะลอตัวลงน้อยกว่าที่คาด โดยคาดว่าการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังจะเห็นการหดตัวประมาณ 7.4% จากครึ่งปีแรกที่ขยายตัวได้สูง 15% ส่งผลให้ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคนั้นลดต่ำลง
อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ยังมีความท้าทายจากผลกระทบทางตรง และทางอ้อมจากภาษีสหรัฐฯ การท่องเที่ยวที่ชะลอตัว และปัจจัยทางการเมืองที่ยังต้องติดตาม ในขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะที่เหลือของปี 2568 มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1 ครั้ง ในปี 2568 นี้ ซึ่งมาควบคู่กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าของรัฐบาลใหม่
น.ส.เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ภาคการผลิตเพื่อส่งออกในกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบในประเทศน้อยกว่า 50% อาจเสี่ยงโดนภาษี Transshipment ของสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 27% ของสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ขณะที่ประเมินว่าอัตราภาษีเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Effective rate) ของไทย น่าจะอยู่ที่ประมาร 26% ต่ำกว่ามาเลเซีย แต่สูงกว่าเวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยไทยมีสัดส่วนสินค้าที่โดนภาษีสูงกว่า 19% เกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ทำให้ยังเป็นโจทย์ที่ต้องเร่งดูแลภาคการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเป็นลูกโซ่ที่จะมีต่อภาคธุรกิจ และแรงงาน
นายรุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภายใต้ Section 232 จะมีผลกระทบต่อไทยชัดเจนมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสินค้าไทยเผชิญประเด็นภาษีดังกล่าวในสัดส่วนเพียง 12.3% ของมูลค่าสินค้าที่สหรัฐฯนำเข้าจากไทยทั้งหมด มาที่สัดส่วน 19.5% หลังการประกาศเริ่มเก็บภาษีนำเข้า Semiconductor ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงราวไตรมาส 4/2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี