นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถานการณ์การค้าสินค้าอาหารสุนัขและแมว (พิกัดศุลกากร 230910) ของโลกและไทย โดยในปี 2567 ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมว อันดับที่ 2 ของโลก ด้วยมูลค่า 2,677.03 ล้านเหรียญสหรัฐน ขยายตัว 29% เทียบกับปีก่อนหน้า และมีสัดส่วน 10% ของมูลค่าส่งออกอาหารสุนัขและแมวของทั้งโลก ตามหลังเยอรมนี ที่ครองอันดับที่ 1 มาหลายปี โดยเยอรมนีส่งออกเป็นมูลค่า 3,282.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (สัดส่วน 12.3% ของมูลค่าส่งออกรวมของโลก) สำหรับประเทศผู้ส่งออกสำคัญอื่นๆ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (มูลค่าการส่งออก 2,520.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 9.4%) โปแลนด์ (มูลค่าการส่งออก 2,408.40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 9.0%) และฝรั่งเศส (มูลค่าการส่งออก 2,307.87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 8.6%)
ทั้งนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดอาหารสุนัขและแมวทั่วโลกคึกคักเป็นอย่างมาก โดยในปี 2567 มูลค่าการนำเข้ารวมของโลกสูงถึง 26,466.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ประเทศผู้นำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก คือ เยอรมนี มีมูลค่าการนำเข้า 2,435.16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (สัดส่วน 9.2% ของมูลค่านำเข้ารวมของโลก) รองลงมา คือ สหรัฐฯ (มูลค่าการนำเข้า 2,215.51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 8.4%) สหราชอาณาจักร (มูลค่าการนำเข้า 1,762.27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 6.7%) โปแลนด์ (มูลค่าการนำเข้า 1,530.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 5.8%) และแคนาดา (มูลค่าการนำเข้า 1,379.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 5.2%)
นายพูนพงษ์ กล่าวอีกว่า ศักยภาพการแข่งขันของไทยในสินค้าอาหารสุนัขและแมว ขณะนี้ถือได้ว่ามีเสถียรภาพและมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง และในหลากหลายตลาด เนื่องจากไทยมีจุดเด่นและมีภาพลักษณ์ที่ดีในด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้าอาหาร ซึ่งรวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงด้วย โดยการส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมวของไทยในปี 2567 มีมูลค่า 2,677.03 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 29% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขยายตัวดีทั้งในตลาดหลักที่ไทยมีสัดส่วนการส่งออกสูง อาทิ สหรัฐฯ (สัดส่วน 32.4% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย) ซึ่งการส่งออกไปสหรัฐฯ มีมูลค่า 868.40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 47% ตลาดสำคัญรองลงมา ได้แก่ ญี่ปุ่น (มูลค่าการส่งออก 329.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 12.3% ขยายตัว 0%) ออสเตรเลีย (มูลค่าการส่งออก 167.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 6.2% ขยายตัว 45%) อิตาลี (มูลค่าการส่งออก 164.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 6.2% ขยายตัว 34%) และมาเลเซีย (มูลค่าการส่งออก 138.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 5.2% ขยายตัว 8%) ทั้งนี้การส่งออกอาหารสุนัขและแมวจากไทยไป 5 ตลาดอันดับแรกดังกล่าว มีสัดส่วนรวมกันถึง 62.3% ของมูลค่าการส่งออกอาหารสุนัขและแมวจากไทยไปโลก
ส่วนปัจจัยสำคัญทำให้ไทยมีโอกาสขยายตลาดได้ในหลากหลายภูมิภาค เนื่องจากความนิยมเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ทั้งจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นและสังคมที่มีขนาดครอบครัวเล็กลง ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ลำพังมักมีเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อน และคนรุ่นใหม่ที่มีบุตรช้าหรือไม่แต่งงานก็นิยมเลี้ยงสัตว์มากขึ้น นอกจากนี้พฤติกรรมผู้บริโภคในหลายประเทศที่หันมาสนใจสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น มาจากเทรนด์การใส่ใจสุขภาพสัตว์เลี้ยง ผู้ซื้อจึงหันมาสนใจสินค้าเกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ รวมถึงสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ซึ่งความต้องการสินค้ากลุ่มนี้ ผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายฟังก์ชัน เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสุขภาพ วิตามินสูง สัตว์เลี้ยงเด็ก สัตว์เลี้ยงป่วยหรือชรา โดยมีสูตรที่หลากหลายและใช้วัตถุดิบคุณภาพ จะตอบโจทย์ผู้บริโภคตามเทรนด์นี้ได้เป็นอย่างดี
“นอกจากเทรนด์ความต้องการสินค้าอาหารฟังก์ชันและเกรดพรีเมียมแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หากผู้ส่งออกไทยสามารถผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์แนวโน้มดังกล่าวได้ จะมีโอกาสขยายการส่งออกทั้งในตลาดหลัก เช่น ยุโรป และสหรัฐฯ รวมถึงโซนเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน และตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออกด้วย”นายพูนพงษ์ กล่าว
สำหรับการส่งออกช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกอาหารสุนัขและแมวเป็นมูลค่า 1,685.74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 10.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสหรัฐฯยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย การส่งออกไปสหรัฐฯมีมูลค่า 609.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 26% ยังคงขยายตัวท่ามกลางอัตราภาษีต่างตอบแทน 19% ของสหรัฐฯ ซึ่งไทยยังมีโอกาสแข่งขันด้านราคา อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นกฎเกณฑ์การสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า (Local Content) ที่ต้องติดตามต่อไป
ทั้งนี้เพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการส่งออกของไทยที่อาจเกิดขึ้น ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้า สร้างมาตรฐานและภาพลักษณ์สินค้าไทยด้วยการวิจัยและพัฒนา เพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ สร้างสรรค์อาหารสัตว์เลี้ยงรูปแบบใหม่ๆที่เสริมสร้างสุขภาพและให้คุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย เพื่อสามารถเข้าถึงตลาดตามความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มแต่ละประเทศ ซึ่งจะทำให้ไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของการส่งออกอาหารสุนัขและแมวของโลกได้ในไม่ช้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี