นายธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมฯได้ให้การต้อนรับ นายพูทะนูทอง ไชยะสมบัติ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมการผลิต กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และคณะ ในโอกาสเยือนไทย เพื่อศึกษาดูงาน การดำเนินงานในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย การจัดการของเสียตามอนุสัญญาบาเซล รวมถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขั้นตอนการอนุมัติของไทย
โดยกรมฯได้ถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมของไทย เกี่ยวกับสถานการณ์มลพิษ การจัดการสิ่งแวดล้อมตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายเกี่ยวกับบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมประจำโรงงาน และแนวปฏิบัติสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน
ส่วนด้านการจัดการความปลอดภัยอุตสาหกรรมของไทย กรมฯได้ถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าในโรงงาน การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน การจัดการสารเคมีในโรงงาน ความปลอดภัยในสภาวะการทำงาน รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับก๊าซอุตสาหกรรม ระบบทำความเย็น หม้อน้ำภายในโรงงาน และการประเมินความเสี่ยง
นอกจากนี้ยังถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการดำเนินการจัดการของเสียอุตสาหกรรมของไทย ภายใต้อนุสัญญาบาเซล (Basel Convention) ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน การนำเข้า-ส่งออกของเสียเคมีวัตถุ ตลอดจนข้อห้ามตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมหารือกรณีการนำผ่านของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซลจากสหรัฐอเมริกันผ่านไป สปป.ลาว เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินต่อไปในอนาคต
“การพบปะหารือในครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมืออันดีในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่างไทยและ สปป.ลาว ในการดูแลสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน”นายธีรทัศน์ กล่าว
โดยบทบาทและภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม ในการผลักดันประเทศสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทยต้องเผชิญแรงกดดันจากมาตรการสิ่งแวดล้อมสากล เช่น มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) จึงจำเป็นต้องเร่งปรับตัวสู่การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรมจึงเดินหน้านโยบาย Green Industry และ BCG Economy เพื่อสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก รองรับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต สร้างนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่าครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมดั้งเดิมและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และนำพาอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้กรมฯตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม 5.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี พ.ศ. 2573 โดยใช้ 3 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการทดแทนปูนเม็ด โดยการใช้วัสดุทดแทนปูนเม็ดในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกและการใช้วัสดุทดแทนปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นในคอนกรีตผสมเสร็จ มาตรการทดแทน/ปรับเปลี่ยนสารทำความเย็นและการกำจัดทำลายของเสียและสารทำความเย็นที่เสื่อมสภาพอย่างถูกวิธี และมาตรการการจัดการน้ำเสียอุตสาหกรรม โดยการเพิ่มการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียอุตสาหกรรมด้วยการนำก๊าซมีเทนกลับมาใช้ประโยชน์
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี