ซีพี เปิดเวทีในงาน CP Innovation Expo 2025

ซีพี เปิดเวทีในงาน CP Innovation Expo 2025

วันจันทร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568, 09.58 น.

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 – เวทีแห่งอนาคตกลับมาอีกครั้งกับ “ซีพี อินโนเวชั่น เอ็กซ์โปซิชัน แอนด์ ซิมโปเซียม 2025” (CP Innovation Exposition & Symposium 2025) มหกรรมด้านนวัตกรรมระดับนานาชาติที่ทรงพลังที่สุดของเครือเจริญโภคภัณฑ์ งานยิ่งใหญ่ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์องค์กรนวัตกรรม ตอกย้ำ Tech-Driven Company แห่งศตวรรษที่สองของซีพี ในการนำพาประเทศไทยและภูมิภาคก้าวสู่อนาคตด้วยพลังเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และความยั่งยืน ภายในงานนำเสนอผลงานนวัตกรรมกว่า 200 ชิ้นจากพนักงานทั่วโลก พร้อมการรวมตัวของเหล่าผู้เชี่ยวชาญและผู้นำระดับโลกกว่า 60 คน ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ บนพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์และการเรียนรู้  ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กรุงเทพมหานคร

หนึ่งในเวทีไฮไลต์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าร่วมงาน คือ “Shaping the Future Longevity Technology” เวทีทรงพลังที่สะท้อนวิสัยทัศน์แห่งอนาคตด้านสุขภาพและการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Longevity) โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของไทยมาร่วมถ่ายทอดมุมมอง องค์ความรู้ และแนวทางการต่อยอดเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตมนุษย์ในศตวรรษใหม่ นำโดย ผศ.ดร.นพ.อมรพันธุ์ เสรีมาศพันธุ์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางนาโนชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ดร.นพ.สาครินทร์ บุญบรรเจิดสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ็นโฟสิส จำกัด และนายภีมเดช อุตสาหจิต ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรมแบบเปิด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) โดยมี พญ.ฉัตรดาว จางวังกร (คุณหมอดาว) จาก TNN Health ทำหน้าที่ดำเนินรายการ ถ่ายทอดบทสนทนาอย่างเข้มข้นและทรงพลัง


ผศ.ดร.นพ. อมรพันธุ์ เสรีมาศพันธุ์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางนาโนชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง Longevity หรือศาสตร์ความยืนยาวของชีวิต ที่กำลังเป็นกระแสสำคัญของโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะแนวคิด “ไบโอแฮ็กกิ้ง” (Biohacking) ซึ่งเป็นการปรับแต่งและเพิ่มศักยภาพของร่างกายและจิตใจ เพื่อชะลอวัยและยืดอายุอย่างมีคุณภาพ ว่าจากข้อมูลวิจัย และรายงานทางวิชาการจำนวนมาก พบว่า ปัจจัยภายนอกมีผลกระทบต่อระดับเซลล์ ที่เป็นต้นเหตุของโรคจากความชราอย่างชัดเจน โดยมีงานวิจัยเปรียบเทียบระหว่างลิงที่ได้รับอาหารสะอาดและลิงที่บริโภคอาหารขยะ พบว่าลิงที่กินอาหารสะอาดมีสุขภาพดีกว่าอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่า อาหาร สิ่งแวดล้อม หรือไลฟ์สไตล์ มีผลต่อระดับเซลล์และเป็นต้นเหตุของโรคจากความชราได้โดยตรง

“ความยืนยาวของชีวิต (Longevity) เป็นเรื่องพันธุกรรมเพียงส่วนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญยิ่งคือวิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์ของเรา ทั้งอาหารที่รับประทาน อากาศที่หายใจ อารมณ์ การนอนหลับ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทั้งหมดนี้มีส่วนกำหนดคุณภาพชีวิตของเรา หากเราสร้างสมดุลในปัจจัยเหล่านี้ได้ Longevity จะไม่ใช่เพียงความยาวของชีวิต แต่คือการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ” ผศ.นพ.ดร. อมรพันธุ์ กล่าว

สำหรับเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญในศาสตร์ความยืนยาวของชีวิต ผศ.ดร.นพ.อมรพันธุ์เน้น 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ อีพีเจเนติกส์ (Epigenetics) หรือ ภาวะเหนือพันธุกรรม ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีนที่ได้รับอิทธิพลจากวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และสามารถตรวจสอบได้ถึงระดับเซลล์ เพื่อคาดการณ์และป้องกันความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับอายุ และ ไมโครไบโอม (Microbiome) หรือจุลชีพภายในร่างกาย ทั้งพรีไบโอติก (Prebiotics), โปรไบโอติก (Probiotics) และซินไบโอติก (Synbiotics) ซึ่งมีผลต่อภูมิคุ้มกัน การอักเสบ และสมอง โดยเฉพาะลำไส้ที่ถูกขนานนามว่า “สมองที่สอง” ของมนุษย์ งานวิจัยยังพบความเชื่อมโยงระหว่างชนิดของจุลชีพกับสุขภาพจิต เช่น การลดภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล เป็นต้น  ดังนั้นเทรนด์นี้สามารถนำมาพัฒนา เพื่อก่อให้นวัตกรรมช่วยให้คนมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพได้

สำหรับการสร้างระบบนิเวศด้านความยืนยาวของชีวิต (Longevity) ให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิต ผศ.ดร.นพ.อมรพันธุ์ ระบุว่า การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษานับเป็นหัวใจสำคัญ โดยควรจัดตั้งแพลตฟอร์มที่รวมองค์ความรู้ทางวิชาการและนวัตกรรมเอาไว้ในที่เดียว  แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงาน แต่ยังส่งเสริมให้เทคโนโลยีและงานวิจัยด้าน Longevity ถูกต่อยอดสู่การปฏิบัติจริง สามารถสร้างประโยชน์ต่อประชาชนทุกคนได้อย่างแท้จริง

ดร.นพ.สาครินทร์ บุญบรรเจิดสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ็นโฟสิส จำกัด เน้นย้ำความสำคัญของ Longevity หรือศาสตร์ความยืนยาวของชีวิตว่า คนเราอยากมีชีวิตยืนยาว แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้นแนวโน้มด้านสุขภาพจึงไม่ได้หยุดอยู่เพียงการรักษาโรค โดยเทรนด์สำคัญที่ผลักดัน Longevity ได้แก่ การดูแลสุขภาพอย่างแม่นยำ (Precision Health & Personalized Care) นวัตกรรมด้านสุขภาพที่สวมใส่ได้ (Wearables Device) และการใช้ AI พร้อม Digital Twin หรือ “ฝาแฝดดิจิทัล” ที่เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพเสมือนกระจกสะท้อนสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ทั้ง 3 เทรนด์นี้คือแรงขับเคลื่อนสำคัญของวงการ Longevity ในปัจจุบัน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ต่อยอดให้ไทยเป็นผู้นำด้าน Longevity Hub ได้

“ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ และสตาร์ทอัพ โดยการสนับสนุนของภาครัฐ เพื่อสร้างนวัตกรรมด้านสุขภาพอย่างครบวงจร จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนและผลักดันให้ระบบนิเวศด้าน Longevity ของประเทศเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน” ดร.นพ.สาครินทร์ กล่าว

นายภีมเดช อุตสาหจิต ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรมแบบเปิด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ความสำคัญของ Longevity หรือศาสตร์ความยืนยาวของชีวิตในมุมมองของอาหารว่า แม้คนส่วนใหญ่จะเข้าใจอยู่แล้วว่าอาหารชนิดใดดีต่อสุขภาพ แต่ความท้าทายยังอยู่ที่การสร้างความอร่อยควบคู่ไปกับคุณค่าทางโภชนาการ  ในฐานะผู้ผลิตอาหาร การใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงรสชาติโดยไม่กระทบต่อสุขภาพจึงเป็นโจทย์สำคัญ โดยเฉพาะในสังคมผู้สูงอายุที่มักพึ่งพาการใช้ยา ซึ่งอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมเสมอไป โดยเราสามารถใช้นวัตกรรม เพื่อเข้ามาช่วย Longevity ทางอาหารได้  

“เทรนด์สำคัญด้าน Longevity ที่กำลังเกิดขึ้น ได้แก่ การ Reprogramming ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนเซลล์หรือระบบร่างกาย เช่น งานทดลองในสัตว์ที่ฉีดสารบางชนิดแล้วสามารถฟื้นฟูการมองเห็น ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นทดลอง นอกจากนี้ยังมีแนวคิด Labelling หรือการให้คะแนนโภชนาการของอาหารตามเกณฑ์ด้านสุขภาพ ซึ่งในบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ งานวิจัยชี้ว่า การให้คะแนนอาหารช่วยให้ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนสูง และสามารถทำได้ทันที” นายภีมเดช กล่าว

สำหรับประเทศไทย นายภีมเดชระบุว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาหาร อยู่แล้ว ด้วยศักยภาพในการส่งออกอาหารมากกว่าการนำเข้า ทำให้มีฐานแข็งแกร่งสำหรับต่อยอดด้านสาธารณสุข ตัวอย่างเช่น การสร้างนวัตกรรมอาหารเพื่อ Anti-Aging  ทำให้คนไทย โดยเฉพาะผู้สูงอายุสามารถมีสุขภาพที่ดีและยืนยาวได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้แนะนำให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเพื่อให้เกิดเป็นนโยบายด้านสาธารณสุขที่ครอบคลุม ทั้งนี้เพื่อจุดมุ่งหมายการสร้างสุขภาพที่ดีของคนไทย

สาระสำคัญจากเวทีเสวนาในวันนี้ชี้ให้เห็นว่า “Longevity” ไม่ได้หมายถึงเพียงการมีชีวิตยืนยาวเท่านั้น แต่คือการมีคุณภาพชีวิตที่ดี แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถทำกิจกรรมที่รักได้อย่างเต็มที่ และรับมือกับทุกช่วงวัยได้อย่างสมดุล

การเสวนาครั้งนี้ยังตอกย้ำว่า งาน ซีพี อินโนเวชั่น เอ็กซ์โปซิชัน แอนด์ ซิมโปเซียม 2025 ไม่เพียงเป็นเวทีจัดแสดงนวัตกรรมล้ำสมัย แต่เป็น Innovation Ecosystem ที่เชื่อมโยงผู้คน เทคโนโลยี และสังคมเข้าด้วยกัน สะท้อนบทบาทของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมของไทย ที่พร้อมแข่งขันในเวทีระดับโลก

-031

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top