คาดเงินทุนไหลเข้าตลาดEM Asia เหตุดอลลาร์อ่อนค่าหลังเฟดหั่นดอกเบี้ย

คาดเงินทุนไหลเข้าตลาดEM Asia เหตุดอลลาร์อ่อนค่าหลังเฟดหั่นดอกเบี้ย

วันอังคาร ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568, 07.45 น.

นายศรชัย สุเนต์ตา รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า SCB CIO ได้แลกเปลี่ยนมุมมองการลงทุนกับ BlackRock ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลก โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยอีก 50 bps ในปีนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสิ้นปีนี้ อยู่ที่ 3.50-3.75% สอดคล้องกับตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ยังคงอ่อนแอ โดยจากสถิติในอดีต พบว่า การกลับมาลดดอกเบี้ยของเฟดหลังหยุดพัก (pause) ถือเป็นสัญญาณบวกต่อทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งในอดีตให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยในช่วง 1 ปีถัดจาก เฟดกลับมาลดดอกเบี้ย มากกว่า 20% ดังนั้นจึงแนะนำลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ บนพอร์ตหลักระยะยาว สอดคล้องกับที่ BlackRock ยัง Overweight ตลาดหุ้นสหรัฐฯอยู่ตามที่ได้รับอานิสงส์หลักจากธีม AI และการขยายตัวของกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียน

สำหรับตลาดตราสารหนี้ SCB CIO มองว่า ความกังวลบนความเป็นอิสระของเฟด จากการถูกแทรกแซงทางการเมือง ความเสี่ยงเงินเฟ้อฝั่งอุปทานที่มีอยู่ จากกำแพงภาษีและแรงงาน รวมทั้งหนี้สาธารณะของสหรัฐฯที่สูง จะทำให้ UST Yield ตัวยาว มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนต้องการส่วนชดเชยความเสี่ยง (term premium) ที่เพิ่มขึ้นบนการถือพันธบัตรระยะยาว ดังนั้นจึงให้เน้นลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ และหุ้นกู้ Investment Grade ของสหรัฐฯ ที่มี duration สั้น


ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยมีปัจจัยกดดันหลักจากการที่ 1.เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย  และแนวโน้มการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมหลังจากนั้น 2.เศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มแผ่วลงจากข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง ขณะที่โมเมนตัมการเติบโตของประเทศอื่นๆที่เริ่มดีกว่าสหรัฐฯ 3.ความกังวลเสถียรภาพการคลังสหรัฐฯ และความเป็นอิสระของเฟด โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง และ4.ความต้องการการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินของนักลงทุนต่างชาติที่ถือสินทรัพย์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง มีแนวโน้มส่งผลดีต่อหุ้นตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (EM Asia) ผ่านเงินทุนไหลเข้า ทำให้เพิ่มสภาพคล่อง และหนุน valuation ที่ดีขึ้น โดยตามสถิติพบว่าในช่วงที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า มักหนุนผลตอบแทนหุ้น EM Asia เป็นบวก ขณะที่ธนาคารกลางใน EM Asia มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย ตามที่มุ่งเน้นกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ และเงินเฟ้อส่วนใหญ่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย รัฐบาลใน EM Asia มี Room กระตุ้นการคลัง ตามที่หนี้ต่อ GDP ยังไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศหลักใน DM และ GDP ที่มีศักยภาพเติบโตไว นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่า ยังช่วยลดต้นทุนหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และหนุนกำไรบริษัทจดทะเบียน โดยการคาดการณ์ EPS ของหุ้นตลาดหลักใน EM Asia ปี 2568-2569 ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี

ตลาดหุ้น EM Asia ที่ SCB CIO มองว่าน่าสนใจ ได้แก่ ตลาดหุ้นจีน All-Share ที่นโยบายต่อต้านการแข่งขันที่ไม่สร้างมูลค่า (anti-involution) และความพยายามลดการพึ่งพาต่างชาติในด้านเทคโนโลยี ของทางการจีน มีแนวโน้มส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน โดยนโยบาย anti-involution ที่มุ่งเน้นการลดสงครามราคา และกำลังผลิตส่วนเกิน อาจกดดัน GDP จีนในช่วงสั้น แต่จะช่วยกระตุ้นเงินเฟ้อของจีนให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเราคาดว่า รัฐบาลจะทยอยออกมาตรการแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมออกมาตรการลดผลกระทบ และจะเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นในช่วงการเผยแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ดังนั้นผลต่อตลาดหุ้นจีนในระยะสั้นจึงมีจำกัด แต่ในระยะกลาง-ยาว คาดว่าจะช่วยหนุนกำไรอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในจีน โดยเฉพาะบริษัทรายใหญ่ที่มีเทคโนโลยีสูง ที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการควบรวมกิจการที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการควบคุมการผลิตเข้มงวด หนุนอัตรากำไรดีขึ้น เช่น กลุ่มเหล็กและซีเมนต์

ในส่วนของตลาดหุ้นอินเดีย ในระยะสั้นมีความผันผวนจาก ความไม่แน่นอนข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ แต่ยังมีปัจจัยหนุนการลงทุน จากความคาดหวังว่าอินเดียจะมีการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการคลังเพิ่มเติม โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างภาษีสินค้าและบริการ (GST) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ทั้งนี้ SCB CIO ยังคงแนะนำลงทุนตลาดหุ้นอินเดียบนพอร์ตหลัก สอดรับกับ BlackRock ที่ยังมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นอินเดียในระยะยาว

ขณะที่ตลาดหุ้นไทย SCB CIO มองว่ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้น จากความชัดเจนทางการเมือง ที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยหลังจากนี้ต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ขณะที่คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 25 bps. ในช่วงไตรมาส 4 นี้ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top