รถกระบะยังไม่ฟื้น ยอดขาย-ผลิตลดลงต่อเนื่อง

รถกระบะยังไม่ฟื้น ยอดขาย-ผลิตลดลงต่อเนื่อง

วันพุธ ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2568, 07.14 น.

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนสิงหาคม 2568 มีทั้งสิ้น 112,366 คัน เพิ่มขึ้น 1.58% จากเดือนกรกฎาคม 2568 แต่ลดลง 6.11% จากเดือนสิงหาคม 2567 จากการผลิตเพื่อส่งออกที่ลดลง 10.67% จากสิงหาคมปี 2567 เพราะผลิตรถยนต์นั่งลดลง 21.27% จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่นเพราะความเข้มงวดในการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยขับในด้านความปลอดภัยของประเทศคู่ค้า รวมทั้งผลิตรถกระบะส่งออกลดลง 6.36% จากการเข้มงวดในการปล่อยคาร์บอนของประเทศคู่ค้า ส่วนการผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 4.11% จากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาขายในปี 2565-2566 โดยจำนวนรถยนต์ที่ผลิต 8 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-สิงหาคม 2568)  มีจำนวนทั้งสิ้น 947,697 คัน ลดลง 5.77%

ทั้งนี้เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 73,956 คัน เท่ากับ 65.82% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 10.67% จากเดือนสิงหาคม 2567  ส่วน 8 เดือนแรกของปี 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 623,069 คัน เท่ากับ 65.75% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 9.24% จากช่วงเดียวกันของปี 2567 ส่วนผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนสิงหาคม 2568 ผลิตได้ 38,410 คัน เท่ากับ 34.18% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น4.11% จากเดือนสิงหาคม 2567 ส่งผลให้ 8 เดือนแรกของปี 2568 ผลิตได้ 324,628 คัน เท่ากับ 34.25% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 1.69 % จากช่วงเดียวกันของปี 2567


สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนสิงหาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 47,622 คัน ลดลง 3.01% จากเดือนกรกาคม 2568  แต่เพิ่มขึ้น 5.38% จากเดือนสิงหาคม 2567 จากการขายรถยนต์นั่งไฟฟ้าที่มีถึง 9,246 คัน เพิ่มขึ้น 26.62% จากปี 2567 รถกระบะขายได้ 10,960 คัน ลดลง 10.92% รถกระบะยังคงขายลดลงต่อเนื่องกว่า 2 ปี จากการเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ หลักฐานการเงินของผู้ซื้ออ่อนแอ โดย 8 เดือนแรกของปี 2568 รถยนต์มียอดขาย 399,619 คัน เพิ่มขึ้น 8 คัน จากช่วงเดียวกันปี 2567

ในขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนสิงหาคม 2568 ส่งออกได้ 71,179 คัน ลดลง 1.74% จากเดือนกรกาคม 2568 และลดลง 17.30% จากเดือนสิงหาคม 2567 จากส่งออกรถกระบะใช้น้ำมันลดลง 14.65% และรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันลดลง 35.09% เพราะการเข้มงวดในการปล่อยก๊าซคาร์บอนของบางประเทศ ทั้งนี้ใน 8 เดือนแรกของปี 2568 มีการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 602,975 คัน ลดลง 12.44% จากช่วงเดียวกันปี 2567 ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนสิงหาคม 2568 มียอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 11,486 คัน เพิ่มขึ้น 30.46% จากเดือนสิงหาคม 2567 โดย 8 เดือนแรกของปี 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 92,665 คัน เพิ่มขึ้น 34.4% จากช่วงเดียวกันของปี 2567  

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลใหม่ของนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความตั้งใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตมากขึ้น จึงขอเสนอการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะได้เก็บภาษีมากกว่าเงินที่จะจ่าย ซึ่งอาจจะไม่ต้องจ่ายถ้าเศรษฐกิจดีวันดีคืน ข้อเสนอนี้เป็นของ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) เมื่อปี 2567 ที่เสนอรัฐบาลตั้งกองทุน 5 พันล้านบาท เพื่อค้ำประกันผลขาดทุนจากการยึดรถกระบะแล้วขายขาดทุน โดยจ่ายผลขาดทุนตามจริง แต่ไม่เกินคันละ 5 หมื่นบาท ให้กับสถาบันการเงิน โดยมีข้อแลกเปลี่ยนหรือเงื่อนไขว่า สถาบันการเงินต้องปล่อยกู้ให้มียอดขายรถกระบะมากขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 30%

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top