กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) บูรณาการข้อมูลยานพาหนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญ เช่น ทะเบียนรถ ใบขับขี่ สภาพรถ และผลตรวจมลพิษ สู่การพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง พร้อมสนับสนุนให้เจ้าของรถปรับปรุงเครื่องยนต์ให้ได้มาตรฐาน รวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อยกระดับการควบคุมมลพิษจากยานพาหนะอย่างยั่งยืน
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ในปัจจุบันยานพาหนะที่วิ่งบนท้องถนนมีส่วนก่อให้เกิดมลภาวะในเมืองทั้งมลพิษด้านควันดำ ฝุ่น PM 2.5 มลภาวะด้านเสียงจากยานพาหนะ โดยกรมการขนส่งทางบกเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการควบคุม กำกับ ดูแลระบบการขนส่งทางถนนให้มีคุณภาพและปลอดภัย วันนี้กรมการขนส่งทางบกและกรมควบคุมมลพิษได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการข้อมูลเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน
ในการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนรถ ข้อมูลใบอนุญาต ผลการตรวจสภาพรถข้อมูลผลการตรวจวัดมลพิษ และข้อมูลอื่นๆที่เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามผู้ครอบครองรถ ในการแก้ไขและปรับปรุงการปล่อยมลพิษของเครื่องยนต์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมไปถึงข้อมูลคำสั่งการห้ามใช้ยานพาหนะและการยกเลิกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะ โดยกรมควบคุมมลพิษจะแบ่งปันข้อมูลการออกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะชั่วคราว การห้ามใช้ยานพาหนะเด็ดขาด การยกเลิกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะ ผลการตรวจสอบมลพิษควันดำ ระดับเสียงจากยานพาหนะ และข้อมูลอื่น ๆเพื่อใช้เป็นข้อมูลหลักฐานประกอบการดำเนินงานของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะสนับสนุนให้มีการลดมลพิษจากยานพาหนะให้ได้มากที่สุดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDG)
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมควบคุมมลพิษ และ กรมการขนส่งทางบก ถือเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการข้อมูลของภาครัฐเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับยานพาหนะ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่กระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะชุมชนในเขตเมือง ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจสอบรถ
ที่ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐานยังประสบอุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าของหรือผู้ครอบครองยานพาหนะ การบูรณาการข้อมูลครั้งนี้จะช่วยให้เกิดระบบฐานข้อมูลสำหรับติดตาม ตรวจสอบ และสั่งห้ามใช้ยานพาหนะ พร้อมทั้งสนับสนุนการกำหนดมาตรการแก้ไขให้เจ้าของรถปรับปรุงเครื่องยนต์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน อนึ่ง ความร่วมมือดังกล่าวยังช่วยสนับสนุนการจัดทำแผนงานเชิงนโยบาย การประเมินสถานการณ์ และการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง เพื่อให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิผล อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ร่วมกัน
นางสาวปรีญาพรฯ เน้นย้ำว่า ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมและลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 แต่ยังเป็น
กลไกสำคัญในการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนไทยอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี