‘กรมการค้าต่างประเทศ‘ เปิดตัวเลขส่งออกข้าวไทย 8 เดือน กว่า 5 ล้านตัน เดินหน้าเชิงรุกขยายตลาด

‘กรมการค้าต่างประเทศ‘ เปิดตัวเลขส่งออกข้าวไทย 8 เดือน กว่า 5 ล้านตัน เดินหน้าเชิงรุกขยายตลาด

วันจันทร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568, 16.46 น.

‘กรมการค้าต่างประเทศ‘ เปิดตัวเลขส่งออกข้าวไทย 8 เดือน กว่า 5 ล้านตัน เดินหน้าเชิงรุกขยายตลาด ดันยอดส่งออกปี 68 คว้าเป้า 7.5 ล้านตัน ขณะที่ ’มันสำปะหลัง’ 8 เดือนโตกว่า 36% ย้ำ ลุยส่งออกต่อเนื่อง ส่วน ‘การค้าชายแดน-ผ่านแดนไทย‘ ส.ค.68 หดตัว -3.1% ค้าชายแดนลบ -23.6% ผ่านแดนยังบวก +20.9% รวม 8 เดือน ขยายตัว 9.2%

วันที่ 29 กันยายน 2568 ที่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงการส่งออกข้าวไทยในช่วง 8 เดือนของปี 2568 (มกราคม –สิงหาคม) ว่า ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 5.04 ล้านตัน ลดลง 23.98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณส่งออกอยู่ที่ 6.63 ล้านตัน และมีมูลค่า 2,987 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 99,061 ล้านบาท) ลดลง 30.58% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 4,303 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 153,913 ล้านบาท) โดยปัจจัยที่มีผลทำให้การส่งออกลดลง มาจากประเทศผู้ส่งออกและผู้นำเข้าหลักต่างมีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำและสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ส่งผลให้ปริมาณข้าวในตลาดโลกสูงกว่าความต้องการ ซึ่งก่อให้เกิดแรงกดดันด้านราคา ประกอบกับประเทศผู้นำเข้าสำคัญของโลกอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่ชะลอการนำเข้าข้าว นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันการส่งออกทำให้ราคาสินค้าส่งออกไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคาลดลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดโลก อย่างไรก็ดี ปัจจัยด้านราคาส่งผลให้ไทยยังสามารถขยายการส่งออกข้าวไปยังตลาดจีน สหรัฐอเมริกา และแอฟริกาใต้ รวมทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรปได้เพิ่มขึ้น โดยข้าวหอมมะลิไทย ข้าวนึ่ง ข้าวเหนียว และข้าวกล้อง เป็นชนิดข้าวที่มีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ข้าวที่มีปริมาณส่งออกลดลง คือ ข้าวขาว และข้าวหอมไทย ที่มีการแข่งขันสูงทางด้านราคากับผู้ส่งออกสำคัญอย่างเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน


นางอารดา กล่าวว่า กรมฯ ยังคงเร่งผลักดันการส่งออกข้าวอย่างต่อเนื่อง โดยได้เจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น และจีน เพื่อรักษาตลาดและเพิ่มปริมาณการส่งออก รวมทั้งเจรจาการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐกับ COFCO รัฐบาลจีนที่ยังคงเหลือตามสัญญาอีก 280,000 ตัน ซึ่งผลการเจรจามีความคืบหน้าเชิงบวก นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 กรมฯ จะเดินหน้าเชิงรุกผลักดันการส่งออกข้าวไทยเพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวผ่านการจัดกิจกรรมที่สำคัญ อาทิ การรับรองคณะผู้นำเข้าข้าวฮ่องกงในเดือนพฤศจิกายนเพื่อกระชับความสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทย การเร่งขยายตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่งไปยังตลาดที่มีความต้องการและมีศักยภาพ เช่น อิรัก และซาอุดีอาระเบีย การจัดทำความตกลง MOU ความร่วมมือการค้าข้าวไทย – สิงคโปร์ รวมทั้งการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในตลาดศักยภาพ เช่น Foodex Saudi (ซาอุดีอาระเบีย) งาน ANUGA (เยอรมนี) และงาน China International Import Expo (CIIE) (จีน) เพื่อเพิ่มโอกาสและขยายช่องทางตลาดของข้าวไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศให้เพิ่มขึ้น

นางอารดา กล่าวถึงสถานการณ์การส่งออกสินค้ามันสำปะหลังไทยในช่วง มกราคม – สิงหาคม 2568 ว่าปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเดินหน้าผลักดันขับเคลื่อนการส่งออกมันสำปะหลังไทย ภายใต้นโยบายรัฐบาลที่มุ่งเสริมการขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ซึ่งจากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นผลจากการดำเนินกิจกรรมขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลังของกรมฯ โดยตลอดมา เช่น การจัดคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนไทยเดินทางไปขยายตลาดการค้ามันสำปะหลัง ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน และ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการกระตุ้นตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่ รวมทั้ง จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ปี 2568 (World Tapioca Conference 2025 : WTC 2025) ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 29 – 31 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีผู้ซื้อและผู้ใช้มันสำปะหลังจากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลกมาเข้าร่วมงาน ส่งผลให้เกิดมูลค่าการซื้อขายสินค้ามันสำปะหลังภายในงานมากกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่สามารถกระตุ้นการส่งออกให้กับสินค้ามันสำปะหลังไทยได้เป็นอย่างดี  

“ในช่วงครึ่งปีหลัง กรมฯ ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจัดคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเดินทางไปเจรจาขยายตลาดและเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้ามันสำปะหลังไปยังตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน ทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปยุโรป เป็นต้น เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้ามันสำปะหลังเข้าสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่หลากหลายมากขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมี กาว และกระดาษ” อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าว  

ทั้งนี้ แม้ว่าปริมาณการส่งออกสินค้ามันสำปะหลังจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่มูลค่าการส่งออกกลับลดลงสาเหตุหลักเนื่องจากราคามันสำปะหลังในตลาดโลกปรับลดลงจากแรงกดดันของราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในตลาดโลกซึ่งเป็นสินค้าทดแทนมันสำปะหลังที่ปรับตัวลดลงมาก โดยมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ประมาณ 69,888.12 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12.93 จากปีก่อน ที่มีมูลค่าประมาณ 80,266.47 ล้านบาท อย่างไรก็ดี กรมการค้าต่างประเทศยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนแผนส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยมุ่งเน้นการแสวงหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อให้ปริมาณการส่งออกมันสำปะหลังในปี 2568 บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน

นางอารดา ยังกล่าวถึงตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนสิงหาคม 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 150,131 ล้านบาท หดตัว -3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการส่งออก

75,056 ล้านบาท (-14.7%) และการนำเข้า 75,074 ล้านบาท (+12.2%) โดยไทยขาดดุลการค้าในเดือนสิงหาคม 2568 ทั้งสิ้น -18 ล้านบาท ส่งผลให้ 8 เดือนแรกของปี 2568 การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนมีมูลค่าการค้ารวม 1,338,400 ล้านบาท (+9.2%) เป็นการส่งออก 763,533 ล้านบาท (+7.6%) การนำเข้า 574,867 ล้านบาท (+11.4%) และไทยได้ดุลการค้า 188,666 ล้านบาท

การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ เดือนสิงหาคม 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 63,938 ล้านบาท (-23.6%) เป็นการส่งออก 33,951 ล้านบาท (-30.1%) การนำเข้า 29,986 ล้านบาท (-14.5%) และไทยได้ดุลการค้ารวมทั้งสิ้น 3,965 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนกับมาเลเซียมีมูลค่าสูงสุด 26,969 ล้านบาท (-5.7%) รองลงมา คือ สปป.ลาว 23,131 ล้านบาท (-0.1%) เมียนมา 13,827 ล้านบาท (-20.8%) และกัมพูชา 10 ล้านบาท (-99.9%) ซึ่งสินค้าส่งออกชายแดนสำคัญในเดือนสิงหาคม 2568 ได้แก่ น้ำมันดีเซล 2,051 ล้านบาท เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ 1,350 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 1,117 ล้านบาท ทำให้ 8 เดือนแรกของปี 2568 การค้าชายแดนมีมูลค่ารวม 636,219 ล้านบาท (-3.6%) เป็นการส่งออก 377,902 ล้านบาท (-6.7%) และการนำเข้า 258,317 ล้านบาท (+1.2%)

ด้านการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม เดือนสิงหาคม 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 86,193 ล้านบาท (+20.9%) เป็นการส่งออก 41,105 ล้านบาท (+4.3%) และการนำเข้า 45,088 ล้านบาท (+41.5%) โดยการค้าผ่านแดนไปจีน มีมูลค่าสูงที่สุด 41,181 ล้านบาท (+12.9%) รองลงมาคือ สิงคโปร์ และเวียดนาม มีมูลค่า 14,279 ล้านบาท (+56.0%) และ 8,361 ล้านบาท (+27.8%) ตามลำดับ ซึ่งสินค้าส่งออกผ่านแดนสำคัญในเดือนสิงหาคม 2568 ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ 7,135 ล้านบาท ทุเรียนสด 7,095 ล้านบาท และเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ 2,339 ล้านบาท ทำให้ 8 เดือนแรกของปี 2568 การค้าผ่านแดนมีมูลค่ารวม 702,181 ล้านบาท (+24.2%) เป็นการส่งออก 385,631 ล้านบาท (+26.5%) และการนำเข้า 316,550 ล้านบาท (+21.4%)
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top