บทเรียนจาก ‘สงครามราคา’ อาวุธทางการแข่งขัน – บาดแผล-ความหวัง ‘บ้านหลังแรก’

บทเรียนจาก ‘สงครามราคา’ อาวุธทางการแข่งขัน – บาดแผล-ความหวัง ‘บ้านหลังแรก’

วันพุธ ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.30 น.

ปรากฏการณ์ล่าสุดที่เขย่าวงการรับสร้างบ้านไทย เกิดจากกระแสข่าวสุดร้อนแรงจากการร้องเรียนของผู้บริโภคกว่า 200 ครัวเรือน ที่ต้องสูญเงินไปกับการสร้างบ้านที่ “ไม่ได้บ้าน” ตามที่ตกลงไว้ สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท และกำลังเป็นกรณีศึกษาใหญ่ของธุรกิจรับสร้างบ้านในประเทศไทย เพราะลึกลงไปกว่านั้น มันกำลังสะท้อนถึงความเสี่ยงเชิงโครงสร้างในธุรกิจรับสร้างบ้านของไทย เมื่อบางบริษัทเลือกใช้ “สงครามราคา” เป็นอาวุธทางการแข่งขัน แต่ผลลัพธ์กลับสร้างบาดแผลให้ครอบครัวจำนวนมากที่ฝากความหวังกับ “บ้านหลังแรกและหลังเดียวในชีวิต”

ไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่สะเทือนวงการ


จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง พบว่าเรื่องนี้เริ่มต้นจากเสียงบ่นกระจัดกระจายในโลกออนไลน์ ก่อนจะขยายเป็น กลุ่มโอเพ่นแชทของผู้เสียหาย ที่รวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและกดดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชนหลายสำนักทยอยหยิบยกมาเสนอข่าว จนกระทั่งกลายเป็นกระแสสังคมในช่วงเดือนที่ผ่านมา แล้วเรื่องมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหน?

กลางปี 2567 – เริ่มมีผู้บริโภคร้องเรียนผ่านโซเชียลมีเดียว่าการก่อสร้างบ้านล่าช้าเกินกำหนด สัญญาไม่ชัดเจน และบริษัทไม่มีการชี้แจงที่โปร่งใส

ปลายปี 2567 – สื่อกระแสหลักเริ่มรายงานปัญหาที่มีผู้เสียหายกระจายหลายจังหวัด และมูลค่าความเสียหายรวมสูงถึงหลักร้อยล้านบาท

ต้นปี 2568 – กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวเปิด Open Chat เพื่อรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน ก่อนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

               ปัจจุบัน – เคสยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นได้สร้างคำถามสำคัญต่อรูปแบบการแข่งขันของอุตสาหกรรม

                ปัจจัยสำคัญที่ถูกตั้งข้อสังเกต คือ บริษัทที่ถูกร้องเรียนใช้กลยุทธ์ “สงครามราคา” เสนอราคาต่อตารางเมตรต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดอย่างมาก เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีงบจำกัด โดยชูตัวเลขราคาที่ถูกใจเป็นเครื่องมือหลักในการปิดการขาย เพื่อเร่งเร้าให้เกิดยอดจองยอดสัญญา ให้ได้เงินตุนเข้ามาในบริษัทให้มากที่สุดและเร็วที่สุด

ทำไม “บ้านราคาถูก” ถึงกลายเป็นหลุมพราง

ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า กลุ่มเป้าหมายของบริษัทที่ใช้กลยุทธ์ “ตัดราคา” มักเป็นผู้บริโภคที่มีงบจำกัด เน้นพิจารณาจากราคาต่อตารางเมตรเป็นหลัก โดยละเลยข้อเท็จจริงว่าการสร้างบ้านคุณภาพที่อยู่อาศัยได้จริง ต้องใช้ต้นทุนที่เหมาะสมทั้งด้านวัสดุ การควบคุมงาน และแรงงานฝีมือ

ในความเป็นจริง ราคาในการสร้างบ้านที่ถือว่า “สมเหตุสมผล” สำหรับการสร้างบ้านคุณภาพสูงสักหลังหนึ่งในปัจจุบัน อยู่ที่ 22,000–28,000 บาทต่อตารางเมตร เฉลี่ยราว 25,000 บาท หากพบราคาต่ำกว่านี้อย่างผิดสังเกต ย่อมต้องตั้งข้อสงสัยว่าเกิดจากการลดสเปควัสดุ กดค่าแรงช่างฝีมือทำให้กระทบกับคุณภาพบ้าน ลดคุณภาพงานบริการและขั้นตอนการควบคุมงาน หรือแม้กระทั่งความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินของบริษัท ที่อาจมีการนำเงินลูกค้าไปหมุนจนเสี่ยงสร้างบ้านไม่เสร็จ

โดยในตอนนี้กำลังมีข่าวความเดือดร้อนของคนสร้างบ้านไม่ได้บ้าน ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทรับสร้างบ้านนำเงินไปหมุนใช้ส่วนตัว แทนที่จะนำเงินเหล่านั้นมาสร้างบ้านให้กับลูกค้าตามสัญญา ซึ่งกระแสข่าวนี้อาจทำให้คนที่กำลังจะสร้างบ้านหันไปพุ่งเป้าโฟกัสที่การนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จนสร้างบ้านไม่เสร็จ จนลืมมองข้อเท็จจริงว่าที่บริษัทนั้นหลอกล่อผู้คนได้สำเร็จเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น เป็นเพราะการใช้กลยุทธ์ทางการตลาด ด้วยการลดราคาสร้างบ้าน ล่อลูกค้าเพื่อหาเงินไปหมุน ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักที่ซุกซ่อนอยู่ในข่าวนี้ และอาจจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ได้ง่าย เมื่อเหล่าบริษัทรับสร้างบ้านในประเทศไทยเลือกลงมาเล่นสงครามราคา แข่งกันลด แลก แจก แถมเกือบหมด ซึ่งอยากเตือนให้ทุกคนรีบฉุกคิดให้ครบทุกด้าน เพราะแม้จะสร้างบ้านแล้วได้บ้าน แต่เป็นบ้านเกรดต่ำ สร้างชุ่ย ก็อยู่ได้ไม่จริงอยู่ดี

โดยการลดสเปควัสดุ สร้างบ้านโดยใช้ของที่ไม่ดี ทำให้บ้านมีรอยแตกร้าว หรือต้องคอยเสียเงินตั้งนั่งร้านซ่อมบ้านในส่วนต่าง ๆ อยู่ตลอด มักตามมาด้วยงบประมาณที่เราไม่ได้กันเอาไว้ เลยมองไม่เห็นว่ายังมีรายจ่ายจ่อรออยู่อีกมากมายมหาศาลแค่ไหน  และหากบริษัทหันไปกดค่าแรงช่างจนได้ช่างที่ไม่มีฝีมือมาสร้างบ้าน งานพังแน่นอน บ้านที่เคยฝันว่าจะสวย กลับไม่ตรงปก และถ้าเกิดช่างหันไปทำงานให้เจ้าอื่นที่ไม่กดราคาแทน บ้านของเราก็อาจจะสร้างเสร็จไม่ตรงตามกำหนดเวลา หรือไม่ก็อาจจะสร้างไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ ต้องช้ำใจหาช่างหน้าใหม่เปลี่ยนทีมเข้ามาสร้างบ้านของเราอยู่เรื่อย ๆ ขาดการต่อเนื่องของการทำงาน ขาดความชำนาญในการดูแล

จุดอ่อนของการตัดสินใจนี้ อยู่ที่ “ราคา”

ลูกค้าที่กลายเป็นเหยื่อกลุ่มเป้าหมายของบริษัทเหล่านี้ ส่วนใหญ่คือผู้บริโภคที่มีงบประมาณจำกัด มุ่งเน้นการสร้างบ้านให้ราคาถูกที่สุด จนละเลยคำถามสำคัญว่า “ทำไมราคาบ้านที่ต้องอยู่ไปอีกหลายสิบปีจึงถูกกว่าความเป็นจริงได้มากขนาดนั้น?”

เช็กลิสต์ 8 วิธี ป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ บทเรียนหลักล้าน สร้างบ้านไม่ได้บ้าน ทำได้แค่โพสต์ผ่านกลุ่ม Open Chat   เพื่อปิดช่องว่างความเสี่ยง เลี่ยงดราม่ามูลค่ามหาศาล กลายเป็น 1 ในผู้เสียหายหน้าใหม่ในอนาคต นักวิเคราะห์แนะนำ 8 เกณฑ์สำคัญที่ผู้บริโภคควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญาสร้างบ้าน

1.ทุนจดทะเบียนของบริษัท

บริษัทที่จะเลือกให้สร้างบ้านของเรา ควรมีทุนจดทะเบียนสูงกว่ามูลค่าบ้านที่จะสร้างอย่างน้อย 10 เท่า หรือมากกว่านั้น เพื่อสะท้อนความมั่นคง และรองรับความเสี่ยงในกรณีเกิดปัญหากับลูกค้าหลายรายพร้อมกัน เหมือนกับเคสข่าวดังที่กำลังเกิดขึ้นโดยบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนสูง คือ เครือแลนดี้ กรุ๊ป (แลนดี้ โฮม, แลนดี้ แกรนด์, เทรนดี้ โฮม) ที่มีทุนจดทะเบียนสูงที่สุดในธุรกิจรับสร้างบ้าน ถึง 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี SCG Heim และ Awii House ที่มีทุนจดทะเบียนที่สูงมากพอให้ไว้วางใจได้

2.ผลงานรีวิวจากลูกค้าจริงเป็นจำนวนมาก

เสียงจากผู้ที่เคยใช้บริการมีค่าน่าเชื่อถือมากกว่าคำโฆษณาในทุกประเภทสินค้า โดยเฉพาะบ้านที่เป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงเป็นหลักล้าน บริษัทจะไม่สามารถใช้เงินไปจ้างให้ลูกค้าที่สร้างบ้านด้วยเงินมหาศาลและต้องอยู่กับบ้านหลังนั้นไปอีกหลายสิบปีให้มาพูดรีวิวชื่นชมได้ หากไม่เกิดความพึงพอใจที่แท้จริง หากบริษัทไหนมีเสียงรีวิวชื่นชมจากลูกค้ามาก เราสามารถวางใจในคุณภาพบ้านและผลงานของบริษัทนั้นได้สูง แต่หากบริษัทใดมีเสียงชื่นชมน้อย ควรตั้งคำถามทันที   โดยบริษัทที่มีเสียงรีวิวจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ เครือ แลนดี้ กรุ๊ป (แลนดี้ โฮม, แลนดี้ แกรนด์ และเทรนดี้ โฮม) และ SCG Heim ที่มีเสียงรีวิวที่ดีอย่างต่อเนื่อง

3.มีไซต์งานคุณภาพให้เยี่ยมชม

การจะสร้างบ้านกับบริษัทไหน หากต้องการมั่นใจให้ครบทุกด้าน การไปดูผลงานการสร้างบ้าน รวมถึงไปดูไซต์งานระหว่างการก่อสร้างก็จะทำให้เราสามารถมั่นใจในคุณภาพการบริการ การควบคุมงาน ฝีมือช่าง และสเปควัสดุที่ใช้จริง เพื่อให้สามารถวางใจได้ ว่าจะได้บ้านที่ตรงปก ซึ่งนอกจากผลงานพวกนี้จะการันตีคุณภาพของบ้านที่เราจะสร้างในอนาคตแล้ว ยังการันตีได้ว่ามีผลงานสร้างบ้านจริงไหม สิ่งที่บริษัทบอกและรับประกันเรานั้นน่าเชื่อถือหรือไม่

4. อายุการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานและผลงานที่ผ่านมา

บริษัทที่อยู่ในตลาดรับสร้างบ้านมาอย่างยาวนาน มีผลงานจำนวนมาก ย่อมมีความน่าเชื่อถือ ทำให้เราสามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทสามารถรับผิดชอบการรับประกันหลังการรับมอบบ้าน ที่มักจะมีการรับประกันโครงสร้างบ้าน ยาวนาน 10-20 ปี แล้วแต่การรับประกันตามเงื่อนไขแต่ละบริษัท ซึ่งหากเลือกสร้างบ้านที่สามารถไว้วางใจตั้งแต่ก่อสร้าง ถึงการเข้าอยู่ยาวนานไปจนถึงหมดระยะเวลาการรับประกัน ควรเลือกบริษัทที่มีระยะเวลาการก่อตั้งยาวนานมากกว่า 20 ปี นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันความเสี่ยงบริษัทรับสร้างบ้านที่เคยสร้างปัญหาแล้วหายตัวทิ้งความเดือดร้อนไว้ให้ลูกค้ารับกรรม พอดราม่าซา ก็กลับมาใส่ตะกร้าล้างน้ำ ตั้งบริษัทใหม่ เปลี่ยนตัวเจ้าของ แล้วกลับมาทำพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนใหม่ซ้ำไปมาไม่รู้จบอีกด้วย

5.รายละเอียดสเปควัสดุโปร่งใส ชัดเจน

บริษัทต้องระบุยี่ห้อ รุ่น และคุณภาพมาตรฐานอย่างชัดเจน เพราะแค่สินค้าคนละยี่ห้อ ก็มาพร้อมกับคุณภาพและคุณสมบัติคนละเกรดที่เทียบกันไม่ติด เช่น สายไฟที่มี มอก. ต่างจากไม่มี มอก. หลายเท่า ทั้งในด้านราคาที่ต่างกันเกือบ 10 เท่า และในด้านความปลอดภัย ที่สินค้าที่ไม่มี มอก. มีความความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้สูงกว่าหลายเท่า ทำให้เราต้องรับความเสี่ยงเกิดไฟไหม้บ้าน โดยที่บริษัทที่ไม่ระบุรายละเอียด รุ่น ยี่ห้อ และ Spec วัสดุที่ชัดเจน อาจมีการลดเกรด Specวัสดุของเราลอยตัว ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใด ๆ

6. ชี้แจงเงื่อนไขการเบิกจ่ายและงวดงานชัดเจน มีสัญญารัดกุม

บริษัทควรมีเอกสารสัญญา และเอกสารชี้แจงการเบิกง่ายเงินในแต่ละงวดงานก่อสร้างบ้านอย่างชัดเจน และเหมาะสมกับงวดงานจริง เพื่อป้องกันการนำเงินไปหมุนจนไม่เหลืองบสร้างบ้านจริง

7.ราคาสมเหตุสมผล เหมาะสมกับคุณภาพ

บริษัทที่เสนอราคาสร้างบ้านที่ถูกจนเกินจริง มักแอบซ่อนการลดคุณภาพวัสดุ ลดคุณภาพฝีมือของแรงงานก่อสร้าง ลดการให้บริการและการควบคุมงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพบ้าน อาจดูไม่ร้ายแรงแต่จริง ๆ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะการสร้างบ้านในราคาต่ำที่ต้องไปกดราคาค่าแรงช่างฝีมือ ทำให้ไม่สามารถไปจ้างช่างเกรด A มาทำงานได้ ซึ่งเกรดช่างนั้นสำคัญมาก เพราะหากได้ช่างที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ไม่มีฝีมือ อาจทำให้เสาบ้านเอียง ผนังเอนเบี้ยว ไม่ตั้งตรง หรือมีการก่อฉาบไม่เรียบเนียน ซึ่งสุดท้ายผลกระทบจากความเสี่ยงเหล่านี้จะตกอยู่กับผู้บริโภคที่ต้องอาศัยในบ้านที่ถูกกดราคามากเกินไปต่อไปอีกยาวนานหลายสิบปี โดยที่บริษัทเหล่านั้นไม่ได้ใส่ใจถึงการอยู่อาศัยในระยะยาวอย่างแท้จริง ดังนั้นราคาสร้างบ้าน ควรมีราคาสมเหตุสมผลกับราคาช่างฝีมือ ราคาการคุมคุมงานการก่อสร้างและการให้บริการในท้องตลาด และสัมพันกับสเปควัสดุที่เลือกใช้ภายในบ้าน

8.ความสอดคล้องของข้อมูลจากพนักงาน

บริษัทที่น่าเชื่อถือ โปร่งใส ตรงไปตรงมา และทำงานเป็นระบบ ควรมีการให้ข้อมูลที่ตรงกันจากพนักงานทุกคน หากให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไม่ตรงกัน อาจสะท้อนถึงภายในที่ไม่โปร่งใส การทำงานที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และยังแสดงถึงการจัดการที่ไม่เป็นระบบและโปร่งใส

บทเรียนครั้งใหญ่ของคนสร้างบ้านที่ฝันสลายและตลาดสงครามราคาที่พร้อมจับมือกันพัง

กรณีผู้เสียหายกว่า 200 ครัวเรือนในครั้งนี้ บทเรียนนี้ไม่เพียงเตือนผู้บริโภค แต่ยังเป็น สัญญาณเตือนทั้งวงการรับสร้างบ้านว่าการทำสงครามราคาที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนจริง ไม่เพียงสร้างความเสียหายให้กับลูกค้า แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นในตลาดโดยรวมด้วย

                นอกจากนี้ยังสะท้อนไปสู่ผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้าน ที่ชี้ให้เห็นว่า “บ้าน” ไม่ใช่สินค้าทั่วไป ที่สามารถเลือกจากราคาถูกที่สุดได้ เพราะการสร้างบ้านมีมูลค่าหลายล้านบาท และเป็นสินทรัพย์ที่ครอบครัวจะต้องอยู่อาศัยไปอีกหลายสิบปี

                ต่างจากการเลือกอาหารหรือของใช้ประจำวันที่สามารถ “ลองผิดลองถูก” ได้ หากไม่ถูกใจยังสามารถเปลี่ยนร้านหรือยี่ห้อได้ เพราะถ้าการสร้างบ้านผิดพลาด ความเสียหายอาจสูงถึงหลายล้านบาท และไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายเหมือนสินค้าชิ้นเล็ก ๆ แต่บ้านเป็นการตัดสินใจครั้งเดียวในชีวิต และที่สำคัญคือผู้บริโภคต้องจ่ายเงินล่วงหน้า หากบริษัทที่เลือกไม่มั่นคง เงินจำนวนมหาศาลอาจถูกนำไปหมุน โดยที่เจ้าของบ้านไม่มีทางได้คืน ถือเป็นสัญญาณเตือนที่แลกด้วยเงินหลายร้อยล้านบาทของเหยื่อสร้างบ้านในรอบนี้อย่างชัดเจนว่า การเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ต้องไม่พิจารณาที่ “ราคาถูกที่สุด” เพียงอย่างเดียว แต่ต้องชั่งน้ำหนักด้านความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ และคุณภาพงานควบคู่กันไป

เพราะ “บ้าน” คือการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิต และเป็นที่อยู่อาศัยยาวนานหลายสิบปี การป้องกันความเสี่ยงตั้งแต่ก่อนเริ่มต้น คือการประกันความมั่นคงให้อนาคตของทั้งครอบครัว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top