นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนของปี 2568 มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวม 53,421.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ FTA 81.59% เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 11.57% โดยเป็นการส่งออกไปยังอาเซียนภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 มูลค่า 18,505.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 68.61% อันดับ 2 เป็นการใช้สิทธิฯภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 16,046.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 98.31% อันดับ 3 ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 6,232.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 75.11% อันดับ 4 ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 3,670.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 76.07% และอันดับ 5 ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 3,195.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 58.29%
โดยสินค้าที่มีการขอใช้สิทธิฯ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทุเรียนสด 2.ยานยนต์สำหรับขนส่งของ 3.ยางสังเคราะห์และแฟกติชที่ได้จากน้ำมัน 4.แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) และ 5.น้ำตาลที่ได้จากอ้อย ซึ่งยังคงเป็นสินค้าหลักในการขับเคลื่อนการส่งออกไทยตลอดปี 2568 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้หากแยกตามประเภทสินค้าที่มีการใช้สิทธิฯสูงในช่วง 7 เดือนของปี 2568 แบ่งเป็นสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ได้แก่ 1.ทุเรียนสด 2.น้ำตาลที่ได้จากอ้อย 3.ไก่ที่ปรุงแต่ง 4.ผลไม้สด (ฝรั่ง มะม่วง และมังคุด) และ 5.มันสำปะหลังเส้น มูลค่ารวม 15,713.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 29.41% ของมูลค่าการใช้สิทธิฯทั้งหมด และสินค้าอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ยานยนต์สำหรับขนส่งของ 2.ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ 3.แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นผง 4.เครื่องปรับอากาศชนิดติดผนังหรือติดเพดาน และ 5.เครื่องจักรอัตโนมัติ มูลค่ารวม 37,707.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 70.59% ของมูลค่าการใช้สิทธิฯทั้งหมด
นางอารดา กล่าวอีกว่า ในยุคที่การแข่งขันทางการค้ามีความผันผวนและการเจรจาทางการค้าเข้มข้นขึ้น การใช้สิทธิฯ FTA จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดอุปสรรคทางการค้า สร้างแต้มต่อด้านภาษีให้ผู้ประกอบการไทย บรรเทาผลกระทบจากความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก และยังเป็นกลไกสำคัญในการกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพาตลาดเดิมขยายสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ควบคู่ไปกับการรักษาการส่งออกไปยังตลาดหลัก อย่าง อาเซียน จีน และอินเดีย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ทุเรียน มันสำปะหลัง ยางพารา และผลไม้สด ที่ยังคงขับเคลื่อนการส่งออกสู่ตลาดจีน โดย “ทุเรียน” ยังคงครองแชมป์ผลไม้ส่งออกอันดับ 1 ขณะที่ตลาดอินเดียมีศักยภาพสูงในด้านกำลังซื้อและการบริโภคที่เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ในเดือนกรกฎาคม 2568 ยังพบการขยายตัวของการส่งออกสินค้าแพลทินัม และอัญมณี-เครื่องประดับ ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น สะท้อนถึงความหลากหลาย และศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการใช้สิทธิฯ FTA
“อีกสิ่งหนึ่งที่กรมการค้าต่างประเทศ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คือ การผลักดันและส่งเสริมการใช้สิทธิฯอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดสัมมนาให้ความรู้ทั่วประเทศ โดยในปีงบประมาณ 2568 นี้ ได้จัดสัมมนาครอบคลุมทุกภูมิภาค จำนวน 10 ครั้ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ระยอง สงขลา พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ลำพูน และชลบุรี มีผู้เข้าร่วมสัมมนารวมทั้งสิ้น 1,364 คน ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1,200 คน แสดงถึงความสำเร็จของโครงการและการตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมสัมมนา และในปีงบประมาณ 2569 กรมการค้าต่างประเทศ จะเดินหน้าส่งเสริมและขยายการใช้สิทธิฯอย่างเข้มข้น ผ่านการทำงานเชิงรุก ทั้งในระดับนโยบายและพื้นที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จาก FTA ได้อย่างเต็มศักยภาพ”นางอารดา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี