บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ปลุกกระแสย่านตลาดน้อยริมเจ้าพระยาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผ่าน “5 ตู้ไปรฯ สตอรี่” ตู้ไปรษณีย์สีแดงคลาสสิกอยู่คู่คนไทยมายาวนาน มาตีความใหม่ให้ร่วมสมัยในรูปแบบ 5 Touch Point ประสบการณ์ ทั่วย่านตลาดน้อย พร้อมสร้างปรากฏการณ์ที่ผสานสองความคลาสสิก ทั้งตู้จดหมายในตำนานและย่านชุมชนเก่าแก่เข้าด้วยกัน เปลี่ยนโฉมเป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างสรรค์ที่เติมสีสันให้กับเมือง และปลุกชีวิตชีวาของย่านตลาดน้อยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมเตรียมขยายสู่แลนด์มาร์กและย่านท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆทั่วประเทศ
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ตู้ไปรษณีย์สีแดง แม้จะถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ยุคแรก ๆของการสื่อสาร แต่ยังคงความมีเสน่ห์เหนือกาลเวลา เป็นเครื่องหมายที่คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักกันดี ทุกวันนี้ตู้ไปรษณีย์นี้ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นจุดฝากจดหมาย หากแต่ยังกลายเป็นคอนเทนต์คัลเจอร์ (Content Culture) ที่ถูกหยิบมาถ่ายรูป แชร์บนโซเชียล และกลายเป็นสัญลักษณ์ร่วมที่ทุกคนเข้าถึงได้
ไปรษณีย์ไทยจึงต่อยอดจากเสน่ห์นี้ พลิกโฉมตู้แดงให้เป็น Touch Point ใหม่ที่สามารถเล่าเรื่องดึงดูดนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ได้ พร้อมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์เฉพาะตัว โดยเลือกย่าน “ตลาดน้อย” เป็นพื้นที่นำร่อง นับเป็นการเชื่อมโยง 2 ความคลาสสิกระหว่าง “ตู้ไปรฯ สีแดง” กับตลาดน้อยชุมชนเก่าแก่ริมเจ้าพระยา ให้กลายเป็นเรื่องเล่าใหม่ที่ทันสมัย และเกิดเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่ผสมผสานอดีตกับปัจจุบันเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
โดยจุดเด่นของกิจกรรมอยู่ที่ 5 Touch Point Experience ที่กระจายอยู่ทั่วชุมชน ไม่ว่าจะเป็น “ตู้ไปรฯ ดูธรรมชาติ” ที่มอบพลังใจผ่านภาพและเสียงธรรมชาติภายในตู้ ช่วยรีเซ็ตความรู้สึกและย้ำเตือนว่าธรรมชาติยังคงเป็นที่พักพิงของทุกคน ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศสตรีทอาร์ตของย่านเก่า ต่อด้วย “ตู้ไปรฯ เต้นได้” ที่เพิ่มสีสันและความสนุกด้วยเกมเต้นธีม “ขยับร่างกายส่งพัสดุ” เพื่อปลดปล่อยพลังและคลายอาการออฟฟิศซินโดรม ณ ตึกสีน้ำเงิน
ขณะที่ “ตู้ไปรฯ เปิดโลก” สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยเทคโนโลยี AR เปิดมุมมองใหม่ไม่ซ้ำใคร พร้อมพาผู้มาเยือนวาร์ปไปเช็กอินทั่วโลกจากหน้าร้าน 32 Bar ด้าน “ตู้ไปรฯ พลังบวก” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่อบอุ่นหัวใจ เปิดโอกาสให้ทุกคนเขียนจดหมายส่งกำลังใจ ความหวัง หรือความฝันถึงตัวเอง ครอบครัว และคนที่รัก ณ ศาลเจ้าโรงเกือก
ปิดท้ายด้วย “ตู้ไปรฯ สดชื่น” ที่จะพาทุกคนผ่อนคลายด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ จาก POST Café พร้อมซึมซับบรรยากาศคึกคักของตลาดตะลักเกี้ยะอย่างเต็มอิ่ม และทุกจุดล้วนถูกออกแบบให้กลายเป็น Storytelling Landmark ที่ทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเข้าถึงได้จริง
“สำหรับไปรษณีย์ไทย การรักษาเอกลักษณ์ของตู้ไปรษณีย์สีแดงควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์บทบาทใหม่ ถือเป็นการตอกย้ำว่าตู้ไปรฯ ไม่ได้หยุดอยู่เพียงในความทรงจำ แต่ยังก้าวสู่การเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมเมืองได้จริง เป็นการเพิ่มสีสันทางวัฒนธรรม ทั้งยังสามารถจุดประกายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนจะไม่เพียงได้เก็บภาพเช็กอินหรือสนุกกับกิจกรรม แต่ยังมีส่วนช่วยสร้างรายได้และเพิ่มคุณค่าให้กับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่อีกด้วย ”ดร.ดนันท์ กล่าว
นอกจากนี้การสร้างสรรค์ “ตู้ไปรฯ สตอรี่” ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการขับเคลื่อนแบรนด์ไปรษณีย์ไทยให้เข้าไปใกล้ชิดกับวิถีชีวิตผู้คนมากขึ้น ผ่านการสร้างพื้นที่ที่ทั้งสนุก สร้างสรรค์ และมีความหมาย โดยใช้สัญลักษณ์ที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเรื่องราว พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้ชุมชนได้มีส่วนร่วม และสร้างคุณค่าใหม่ทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
ทั้งนี้ไปรษณีย์ไทยเตรียมแผนขยายโครงการ “ตู้ไปรฯ สตอรี่” ไปยังย่านเมืองสำคัญและแลนด์มาร์กในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ โดยคงแนวคิดการผสานความคลาสสิกกับความทันสมัย เพื่อสร้างเครือข่ายแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่สามารถต่อยอดได้ทั้งในเชิงเศรษฐกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำบทบาทใหม่ของไปรษณีย์ไทยในฐานะผู้เชื่อมโยงการสื่อสารและการขนส่ง ตลอดจนเชื่อมโยงวิถีชีวิตในทุกมิติ
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี