จากกรณีที่มีตัวแทนจากสมาคมการค้าผู้ประกอบการหลอมโลหะด้วยระบบเตาไฟฟ้าเหนี่ยวนำ ออกมาให้ข้อมูลว่า พยามยามจะมีการให้ข้อมูลที่ทำให้สังคมสับสนต่อคุณภาพของเหล็กเส้นที่ผลิตด้วยกระบวนการ Induction Furnace (IF) นั้น ล่าสุดผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กเส้นและเหล็กทรงยาว ซึ่งเป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องของคุณภาพเหล็กเส้นจากเตา IFนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดว่าการที่กระทรวงอุตสาหกรรม ในสมัยที่ นายเอกนัฎ พร้อมพันธ์ ดำรงตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม และทีม “สุดซอย” ได้เข้าตรวจสอบคุณภาพเหล็กจากเตา IF ทุกครั้งมักจะพบเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานทุกครั้ง และได้มีการยึดอายัดเหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐานไปแล้วกว่าหลายหมื่นตัน มีการสั่งปิดโรงานเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานไปแล้ว 7-8 โรงงาน
ผู้ประกอบการรายดังกล่าวระบุว่าก่อนหน้านี้ 10-20 ปีมาตรฐานเรื่องคุณภาพเหล็กของไทยกับจีนนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก แต่หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มณฑลเสฉวน ทำให้อาคารถล่ม และมีผู้เสียชีวิตนับพันราย ทางการจีนจึงได้สั่งปิดโรงงานเตาIF เพราะพิสูจน์ทางวิชาการแล้วว่าเหล็กจากเตา IF นั้นไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ ซ้ำยังก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศสูงมาก ได้กำหนดให้กรรมวิธีการผลิตต้องมาจาก converter หรือ arc furnace และได้เพิ่มเหล็กเกรดแผ่นดินไหว โดยมีข้อกำหนดว่า “ถ้าจำเป็น” ให้ผ่าน external refining (ซึ่งหมายถึงการปรุงภายนอกเตาหลอม เช่นเตาปรุง ladle furnace) และอีก 6 ปีต่อมา มาตรฐานเหล็กเส้นจีนปี 2567 (Steel for Reinforcement of Concrete, GB 1499.2-2024) ได้ปรับปรุงข้อกำหนดเหล็กเกรดแผ่นดินไหว จาก “ถ้าจำเป็น” ให้เป็น “ต้อง” ผ่าน external refining
ขณะที่ผู้ผลิตของไทยเองส่วนใหญ่ก็จะเตาหลอมแบบ Electric Arc Furnace (EAF) ซึ่งแม้ว่าจะมีต้นทุนสุงกว่าเตา IF แต่เหล็กจากเตา EAF นั้นมีคุณภาพสูงกว่า และในกระบวนการผลิตสามารถควบคุมคุณภาพของเหล็กดีกว่ามาก อย่างไรก็ตามเหตุการณ์อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่กรุงเทพฯ เกิดถล่มลงมาขณะก่อสร้าง หลังจากเกิดการผ่านไหวที่ประเทศพม่า และปัจจุบันประเทศไทยรับรู้แรงสั่นสะเทือนของแผ่นไหวจากประเทศเพื่อบานได้ได้บ่อยครั้งขึ้น จึงจำเป็นอย่างมากที่ไทยจะต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพเหล็กเส้นที่จะนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างต่างๆ ส่วนการที่มีการกล่าวอ้างว่าหากไม่มีเหล็กจากเตา IF จะทำให้เกิดการผูกขาดนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งปัจจุบันเหล็กเส้นจากเตา EAF มีอยู่ 1.2 ล้านตัน และเหล็กจากเตา IF มีอยู่ 1.6 ล้านตัน ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ต้องกาสั่งปิดเตา IF เพียงแต่ต้องการให้ผู้ประกอบการเตา IF พัฒนาคุณภาพการผลิต เช่น ให้มีเตาปรุง (ladle furnace) ซึ่งจะทำให้ได้นำเหล็กที่บริสุทธิ์มากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ ยกระดับคุณสมบัติและการทดสอบเหล็กเส้นที่ทนต่อความล้า (Fatigue) จากการสั่นสะเทือนทั้งรอบสูง และ รอบต่ำจากแผ่นดินไหว เนื่องจากเรื่องของแผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนไทยอีกต่อไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี