กรุงไทยทำกำไร3.74หมื่นล้าน ชู5ยุทธศาสตร์หลักขับเคลื่อนการเติบโต

กรุงไทยทำกำไร3.74หมื่นล้าน ชู5ยุทธศาสตร์หลักขับเคลื่อนการเติบโต

วันพฤหัสบดี ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

 

นายผยง ศรีวณิช  กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยหรือKTB เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2568 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/25671/  ธนาคารมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 14,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.1% จากรายได้จากการดำเนินงานขยายตัว 3.4% ได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน จากตราสารหนี้และอัตราแลกเปลี่ยนตามสภาวะตลาดอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่ขยายตัว3.7% จากธุรกิจ Wealth Management ขณะที่ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงตามภาวะดอกเบี้ยและการปรับดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้า


สินเชื่อโดยรวมลดลง3.9% จากสิ้นปี 2567 ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง การชำระคืนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อภาครัฐ ในด้านสินเชื่อรายย่อยเติบโตได้ดีกว่าเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย และธนาคารสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ มี Cost to Income Ratio ที่ 37.7% ลดลงจาก 41.8% โดยคาดว่าประมาณการทั้งปียังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิม

ธนาคารยังคงรักษาคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี NPL Ratio อยู่ที่ 2.88% ลดลงจาก2.99% จากสิ้นปีที่ผ่านมา จากลูกหนี้รายใหญ่บางรายกลับมาเป็นหนี้ปกติ และยังคงรักษา Coverage Ratio ในระดับสูงต่อเนื่องที่ 206.6% เพิ่มขึ้นจาก 188.6% จากสิ้นปีที่ผ่านมา รองรับความไม่แน่นอนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะนี้ โดยมีอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อ (Credit Cost) ที่ 1.09% ลดลงจาก 1.29% สะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2568  ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้จากการดำเนินงานขยายตัว5.9% แม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ธุรกิจตลาดเงินตลาดทุนจากตราสารหนี้และอัตราแลกเปลี่ยนที่ปรับตัวดีตามสภาวะตลาดและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตต่อเนื่องจากบริการด้าน Wealth Management ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ 14,620  ล้านบาท

ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 2568 เทียบกับช่วง 9 เดือนของปี 25671/   ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ 37,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% รายได้จากการดำเนินงานขยายตัวเล็กน้อย 0.4% ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง4%  จากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริหารทรัพย์สินรอการขายที่กลับสู่ระดับปกติ  แม้ว่าธนาคารยังคงลงทุนใน เทคโนโลยีและดิจิทัล เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม รองรับการเติบโตในอนาคต โดย Cost to Income Ratio ลดลงเป็น 40.1% จาก 41.9% ธนาคารยังคงตั้งสำรองอย่างรอบคอบและระมัดระวังและยังคงรักษา Coverage Ratio ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจสะท้อนคุณภาพสินทรัพย์

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 19.78% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น  21.78% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ธนาคารขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างคุณค่าและโอกาสทางการเงินให้ทุกคนผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก ที่มุ่งเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน บริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อ เสริมศักยภาพพนักงาน และสร้างสมดุลให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ล่าสุดธนาคารและพันธมิตรได้จัดตั้ง  ธนาคารคลิกซ์  เพื่อดำเนินธุรกิจ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank)  ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น  ขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion)  ลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน  ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top