วันเสาร์ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
อินโดนีเซียตอกย้ำบทบาทสำคัญและต่อเนื่องในเครือข่ายผู้ผลิตวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนา (DCVMN) ผ่านบริษัทพีที ไบโอ ฟาร์มา (เพอร์เซโร) หรือ PT Bio Farma (Persero) เพื่อมุ่งส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัย มีคุณภาพสูง และราคาย่อมเยาอย่างเท่าเทียม นับตั้งแต่ก่อตั้งเครือข่าย DCVMN เมื่อปี 2543 ไบโอ ฟาร์มาถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการส่งเสริมขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนและยกระดับศักยภาพด้านสาธารณสุขของประเทศกำลังพัฒนา
ความร่วมมือระหว่างไบโอ ฟาร์มากับ DCVMN เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงก่อตั้งเครือข่าย โดยในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งแรก ณ เมืองโนร์ดไวก์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2543 ไบโอ ฟาร์มา เป็น 1 ใน 10 สมาชิกผู้ก่อตั้งที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนความร่วมมือด้านวัคซีน ต่อมาในเดือนเมษายน 2544 ไบโอ ฟาร์มา ซึ่งมีทัมริน พูลเอิงกัน เป็นกรรมการผู้จัดการในขณะนั้น ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ณ เมืองบันดุง ซึ่งการประชุมครั้งนี้ได้มีการกำหนดโครงสร้างและระบบการบริหารจัดการของ DCVMN อย่างเป็นทางการ และยังเป็นการยืนยันสถานะของอินโดนีเซียในการเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความร่วมมือด้านวัคซีนของประเทศกำลังพัฒนาอีกด้วย
ชาดิค อากาสยา กรรมการผู้จัดการคนปัจจุบันของไบโอ ฟาร์มา กล่าวว่า การเข้าร่วมเครือข่าย DCVMN สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอินโดนีเซียในการมีส่วนร่วมพัฒนาสาธารณสุขโลก ไม่ใช่เพียงเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
"การมีส่วนร่วมของไบโอ ฟาร์มาในเครือข่าย DCVMN นับตั้งแต่ก่อตั้ง จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การเป็นผู้แทน แต่เป็นการลงมือสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเพื่อขับเคลื่อนการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนระดับโลก เรามุ่งมั่นส่งมอบโซลูชันด้านสุขภาพที่เท่าเทียมและยั่งยืนสำหรับทุกคนผ่านความร่วมมือและนวัตกรรม" ชาดิคกล่าว
"เราเชื่อว่าพลังที่แท้จริงของอุตสาหกรรมวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนานั้นอยู่ที่ความร่วมมือ และผ่านบทบาทเชิงรุกในเครือข่าย DCVMN เรามุ่งมั่นให้ทุกประเทศเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และราคาเอื้อมถึง ซึ่งสะท้อนบทบาทของอินโดนีเซียต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขโลกอย่างแท้จริง"
ในปี 2547 ไบโอ ฟาร์มาได้ผนึกกำลังกับสมาชิก DCVMN รายอื่น ๆ เพื่อขยายการเข้าถึงวัคซีนรวมป้องกัน 5 โรค (DPT-HepB-Hib) ผ่านความร่วมมือด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีกับสถาบันวัคซีนแห่งเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าบทบาทของไบโอ ฟาร์มาในเครือข่ายนั้นไม่ได้เป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการทำงานเชิงเทคนิคและปฏิบัติจริง
ความเชื่อมั่นจากนานาชาติต่อไบโอ ฟาร์มายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2555 อินโดนีเซียได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสามัญประจำปีเครือข่าย DCVMN ครั้งที่ 13 ณ เกาะบาหลี และมาเฮนทรา ซูฮาร์โดโน หนึ่งในกรรมการของบริษัทในขณะนั้น ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร วาระปี 2556-2557
ความเป็นผู้นำของอินโดนีเซียได้รับการยกย่องไปอีกขั้น เมื่อไบโอ ฟาร์มาได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารเครือข่าย DCVMN วาระปี 2566–2568 ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างสมาชิกเครือข่ายกับลำดับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลก พร้อมสะท้อนศักยภาพของอินโดนีเซียในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมวัคซีนของประเทศกำลังพัฒนา
ความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรมของไบโอ ฟาร์มาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความร่วมมือ ในปี 2563 วัคซีน nOPV2 ของบริษัทกลายเป็นวัคซีนแรกของโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนใช้งานฉุกเฉิน (Emergency Use Listing) จากองค์การอนามัยโลก ช่วยให้สามารถเร่งกระจายวัคซีนได้อย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤตด้านสาธารณสุขโลก ความสำเร็จนี้ไม่เพียงสะท้อนความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคของไบโอ ฟาร์มาเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการประสานงานและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างหลายภาคส่วนระดับนานาชาติ อาทิ ผู้สนับสนุนเงินทุน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยทางวิชาการ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้สนับสนุนวัคซีน และผู้ผลิตวัคซีน ความร่วมมือเหล่านี้ช่วยให้การพัฒนา การอนุมัติ และการส่งมอบวัคซีน nOPV2 เป็นไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสำคัญต่อสาธารณสุขโลก
ความสำเร็จครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตจากประเทศกำลังพัฒนาสามารถสร้างนวัตกรรมระดับโลกได้ตามมาตรฐานสูงสุดระดับสากล ทั้งด้านความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผลที่องค์การอนามัยโลกรับรอง นอกจากจะเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แล้ว วัคซีน nOPV2 ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี และเสริมสร้างความเชื่อมั่นระดับโลกต่อศักยภาพของอินโดนีเซียในการมีส่วนร่วมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ความสำเร็จของไบโอ ฟาร์มาเป็นแรงบันดาลใจให้สมาชิกเครือข่าย DCVMN ทุกราย เดินหน้าเสริมศักยภาพด้านการวิจัย พัฒนา และการผลิต เพื่อบรรลุเป้าหมายการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนและความเข้มแข็งด้านสาธารณสุขระดับโลกในประเทศกำลังพัฒนา
ปัจจุบัน ไบโอ ฟาร์มามีกำลังการผลิตวัคซีนมากกว่า 3.5 พันล้านโดสต่อปี สามารถส่งมอบวัคซีนไปยังมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และมีวัคซีนจำนวน 12 ชนิดที่ได้รับการรับรองคุณสมบัติเบื้องต้นจากองค์การอนามัยโลก (WHO-PQ) นอกจากนี้ ไบโอ ฟาร์มายังทำหน้าที่เป็นศูนย์ความเป็นเลิศขององค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ด้านการพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายวัคซีน ตอกย้ำบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของอินโดนีเซียในเวทีสาธารณสุขโลกอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 26 ของเครือข่าย DCVMN ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 ตุลาคม 2568 ณ เกาะบาหลี ถือเป็นโอกาสสำคัญของอินโดนีเซียในการยืนยันภาวะผู้นำด้านการทูตเพื่อสาธารณสุขโลก ไบโอ ฟาร์มาจะใช้เวทีนี้มุ่งมั่นผลักดันนวัตกรรม ความร่วมมือ และการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนทั่วโลก เพื่อสร้างระบบสาธารณสุขโลกที่เข้มแข็งและเท่าเทียมมากขึ้น
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี