วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้จัดการประชุมแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขับเคลื่อนนโยบายด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อบูรณาการแผนงานของทุกหน่วยงานในสังกัด ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ
ทั้งนี้จังหวัดสงขลาเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจและคมนาคมของภาคใต้ตอนล่าง” เชื่อมโยงการค้า การท่องเที่ยว และการขนส่งระหว่างประเทศกับมาเลเซีย กระทรวงคมนาคมจึงเร่งผลักดันแผนพัฒนาในทุกมิติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด “4 เดือนเห็นผลจริง เพื่อพี่น้องสงขลา”
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า มิติทางถนน เชื่อมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าชายแดน มอบให้ กรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เร่งดำเนินโครงการสำคัญในจังหวัดสงขลา อาทิ โครงการทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ด้านตะวันออก) ตอนบ้านพรุ–สนามบินหาดใหญ่ ระยะทาง 7.18 กม. เพื่อบรรเทาการจราจรในเขตเมือง มอบหมายปลัดกระทรวงเร่งเรื่องเวนคืน และให้กรมทางหลวงเดินหน้าก่อสร้างทันที โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อมอำเภอกระแสสินธุ์ (สงขลา) – อำเภอเขาชัยสน (พัทลุง) ระยะทางกว่า 7 กม. ซึ่งจะลงนามสัญญาภายในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมศูนย์อนุบาลปลาโลมา เพื่อดูแลสัตว์น้ำในทะเลสาบ :ถนนสาย Riviera ของกรมทางหลวงชนบท เชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวชายฝั่งอ่าวไทย เปิดเส้นเศรษฐกิจใหม่ให้พี่น้องชายฝั่งได้ค้าขายและท่องเที่ยวได้สะดวก :ถนนเชื่อมต่อหาดชลาทัศน์ – เขาเก้าเส้ง และ ถนนเชื่อมด่านสุไหงโก-ลก สู่มาเลเซีย เพื่อรองรับการค้าชายแดน
มิติทางราง รถไฟคู่ ระบบรางสมัยใหม่ เมืองแห่งการเดินทาง โดย กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานความคืบหน้าโครงการสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กม. โครงการรถไฟหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. รองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การพัฒนาสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ และสถานีปาดังเบซาร์ ให้เป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้า (Container Yard) เชื่อมเครือข่ายกับด่านชายแดน
ทั้งนี้ยังสั่งการเพิ่มเติมให้ ศึกษาการติดตั้ง “ตู้ละหมาด” สำหรับผู้โดยสารมุสลิม ในสถานีรถไฟและท่าอากาศยานหลักของภาคใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องชาวมุสลิมที่ต้องเดินทางจำนวนมากในแต่ละวันภาคใต้เป็นพื้นที่ที่พี่น้องมุสลิมอาศัยอยู่มาก การเดินทางต้องสะดวกและเคารพความเชื่อทางศาสนา ตู้ละหมาดจะเป็นอีกหนึ่งบริการที่อยากให้เกิดขึ้นจริง
ขณะที่มิติทางน้ำ ยกระดับท่าเรือสงขลา สู่โลจิสติกส์ชายฝั่ง โดย กรมเจ้าท่า (จท.) รายงานผลการขุดลอกร่องน้ำและบำรุงรักษาท่าเรือชายฝั่งสงขลา รวมถึงท่าเรือสงขลา เพื่อรองรับเรือสินค้าและเรือท่องเที่ยว โครงการศึกษาพัฒนา ท่าเรือรองรับเรือสำราญ (Cruise Port สงขลา) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนล่าง นอกจากนี้ ยังมีแผนก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณ ปากน้ำเทพา และการขุดลอกร่องน้ำต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินเรือและการประมง
มิติทางอากาศ พัฒนา สนามบินหาดใหญ่ สู่ประตูการบินภาคใต้ โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) รายงานว่า ท่าอากาศยานหาดใหญ่มีผู้โดยสารกว่า 2.5 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เตรียมปรับแผนแม่บทการพัฒนา (พ.ศ. 2573–2577) เพื่อขยายอาคารผู้โดยสาร ลานจอดอากาศยาน และคลังสินค้าใหม่
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ทุกโครงข่ายคมนาคมของสงขลา ไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางราง ทางน้ำ หรือทางอากาศ จะต้องพัฒนาไปพร้อมกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม ขอให้พี่น้องสงขลาเชื่อมั่นว่า รัฐบาลนี้จะทำให้เห็นผลจริงใน 4 เดือน ทั้งสะพาน ถนน ราง เรือ และเครื่องบิน เราจะทำให้สงขลาเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ตอนล่างอย่างแท้จริง
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ได้ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการถนนเชื่อมต่อหาดชลาทัศน์ ( เก้าเส้ง) พัฒนาโครงข่ายถนนสำคัญในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตของประชาชนภาคใต้ตอนล่างอย่างเป็นรูปธรรม ณ วัดเก้าแสน, เก้าเส้ง จังหวัดสงขลา
ทั้งนี้จังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว แต่ที่ผ่านมาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมยังมีข้อจำกัดหลายประการ การพัฒนาเส้นทางคมนาคม จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้จังหวัดสามารถยกระดับสู่ “ศูนย์กลางเศรษฐกิจฝั่งอ่าวไทย” ได้อย่างแท้จริง โดยโครงสร้างพื้นฐานคือจุดเริ่มต้นของโอกาส ถ้าเรามีถนนที่ดี มีเส้นทางเชื่อมโยงที่สมบูรณ์ การค้าขายจะสะดวกขึ้น การท่องเที่ยวจะคึกคักขึ้น และประชาชนก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามหนึ่งในโครงการสำคัญที่กำลังเดินหน้าคือ โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อหาดชลาทัศน์ (เก้าเส้ง) – ทางหลวงชนบท สข.2004 ระยะทางรวม 1.8 กิโลเมตร แบ่งเป็น ส่วนถนน 1.4 กิโลเมตร ส่วนสะพานข้ามคลอง 0.4 กิโลเมตร ขนาด 2 ช่องจราจรมาตรฐาน
โครงการนี้จะช่วยเชื่อมย่านท่องเที่ยวชายฝั่งกับถนนสายหลักของจังหวัดสงขลา เสริมการเดินทางระหว่างเมืองเก่าสงขลา–เก้าเส้ง–หัวนายแรง และเติมเต็มแนว “เส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งอ่าวไทย (Thailand Riviera)” ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และสร้างรายได้ให้ชุมชนชายฝั่งอย่างทั่วถึง ล่าสุดขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างขั้นตอน ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA และเตรียมก่อสร้างโดยกระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จ และเริ่มต้นโครงการภายในปี พ.ศ. 2570
“การพัฒนา “Thailand Riviera” เป็นแนวคิดการสร้างเส้นทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งอ่าวไทย มีแนวคิดว่าถ้าเริ่มตั้งแต่ เพชรบุรี–ประจวบคีรีขันธ์– ชุมพร–สุราษฎร์ธานี– นครศรีธรรมราช -สงขลา– ปัตตานี- นราธิวาส ให้เชื่อมโยงต่อเนื่องกันอย่างสมบูรณ์ เราต้องการให้ชายฝั่งอ่าวไทยกลายเป็นเส้นทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่คนไทยภาคภูมิใจ ขับรถเที่ยวได้ทั้งเส้น เห็นความงดงามของทะเล วัฒนธรรม และชุมชนตลอดแนวโครงการในสงขลาเป็นอีกจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเส้นทางนี้ เพราะเป็นประตูสู่ภาคใต้ตอนล่าง และจะเชื่อมต่อการเดินทางทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทยเข้าด้วยกัน” นายพิพัฒน์กล่าว
นอกจากนี้โครงการถนนเชื่อมต่อหาดชลาทัศน์ ( เก้าเส้ง) แล้ว กระทรวงคมนาคมยังได้วางแผนขยาย โครงข่ายถนนรอบทะเลสาบสงขลา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 142 ท้องถิ่น ครอบคลุม 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา เพื่อเชื่อมเส้นทางระหว่างชุมชน ตลาด และแหล่งท่องเที่ยวให้เดินทางสะดวกมากขึ้น รวมถึงเตรียมลงนามสัญญาว่าจ้างก่อสร้าง “สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา (สะพานมโนราห์)”เชื่อมฝั่งกระแส–เขาชัยสน ในเดือน ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นโครงการที่ประชาชนรอคอยมานานกว่า 30 ปี ซึ่งพื้นที่โดยรอบสะพานจะได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมจัดตั้ง ศูนย์อนุรักษ์และอนุบาลปลาโลมาอิรวดี เพื่อศึกษาดูแลและขยายพันธุ์โลมาในทะเลสาบสงขลาที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัวในประเทศ ถือเป็นโครงการที่ผสานทั้งมิติของคมนาคม สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี