วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) และการประชุมรัฐมนตรีเอเปคและผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่ผ่านมา ถือเป็นเวทีสำคัญที่กำหนดทิศทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลก
การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ภูมิรัฐศาสตร์และขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนแปลง ทำให้ทุกประเทศต้องเร่งหาพันธมิตรใหม่ คู่ค้าใหม่ และสร้างศักยภาพของตนเองขึ้นมาใหม่ รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จึงพยายามยกระดับแนวทางการค้าและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคเกษตร ที่จากเดิมประเทศไทยมุ่งเน้นการส่งออกสินค้าเกษตรต้นน้ำ เช่น ข้าว ยางพารา หรือมันสำปะหลัง ก็ได้ขยายแนวทางไปสู่การยกระดับให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหารของโลก” (Food Security Hub)
“เมื่อเราวางตำแหน่งเช่นนี้ และสื่อสารในเวทีระหว่างประเทศ ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะทุกประเทศกำลังมองหาความมั่นคงทางอาหารระยะยาว ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในเรื่องนี้”นางศุภจี กล่าว
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีโอกาสหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีของ 5 ประเทศ เพื่อขยายความร่วมมือทางการค้าและสร้างตลาดใหม่ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับผู้นำประเทศต่างๆ รวม 12 ประเทศ และประเทศไทยยังมีโอกาสหารือกับ 3 องค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารโลก (World Bank) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในประเด็นเศรษฐกิจและการค้าในทิศทางเดียวกัน
นางศุภจี กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยมีบทบาทนำคือ การผลักดันกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (ASEAN Digital Economy Framework Agreement : DEFA) ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่เป็นประธานในการจัดทำกรอบความร่วมมือนี้ เพื่อเชื่อมโยงการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลระหว่างประเทศสมาชิก ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ อาเซียนจะเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่มีกรอบดิจิทัลในการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งจะยกระดับภูมิภาคของเราให้โดดเด่นในเวทีโลก และประเทศไทยในฐานะประธานตั้งใจจะหารือเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายน 2568 นี้ ก่อนเข้าสู่การตกลงร่วมกันในเดือนเมษายน 2569
นางศุภจี กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่อาเซียนให้ความสนใจในการประชุมปีนี้ คือ Inclusivity (การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน) และ Sustainability (ความยั่งยืน) ส่วนการประชุมเอเปคมุ่งเน้น 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ Connect (ความเชื่อมโยง) Innovation (นวัตกรรม) และ Prosperity (ความเจริญมั่งคั่งร่วมกัน) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล คือนโยบาย “Quick Big Win” โดยเน้น “กระตุ้นสั้น วางรากฐานยาว และกระจายตัว”
ตนได้แสดงวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ซึ่งจัดโดย สภาธุรกิจอาเซียน ซึ่งในเวทีนั้นได้รับความสนใจจากหลายประเทศอย่างมาก หลังจากนั้นหลายประเทศได้ขอเจรจาทวิภาคีเพิ่มเติม ทั้งอย่างเป็นทางการและกึ่งทางการ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ประเทศไทยกลับมาอยู่ในความสนใจของโลกอีกครั้ง และรัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันการค้าเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี