DBD ออกประกาศกำหนดคุณสมบัติ เงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี

DBD ออกประกาศกำหนดคุณสมบัติ เงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี

วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 11.12 น.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)ออกประกาศกรมฯ ฉบับใหม่ เรื่อง กำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี พ.ศ. 2568 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป สาระสำคัญเพื่อยกระดับและส่งเสริมวิชาชีพผู้ทำบัญชีให้ปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมาย สร้างธรรมาภิบาลภาคธุรกิจ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีภารกิจสำคัญในการกำกับดูแลและส่งเสริมการจัดทำบัญชีของธุรกิจหรือผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ซึ่งมีจำนวนกว่า 976,000 ราย ให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ประกอบด้วย ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ธุรกิจดังกล่าวมีหน้าที่จัดให้มีผู้ทำบัญชีที่มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนด เพื่อจัดทำบัญชีให้ถูกต้อง แสดงผลการดำเนินงาน และฐานะการเงินของธุรกิจที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตามมาตรฐาน การบัญชี ดังนั้น ผู้ทำบัญชีจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อภาคธุรกิจ นอกจากจะช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมายและมีธรรมาภิบาลแล้ว ยังเป็นผู้ช่วยธุรกิจให้มีข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้อง สะท้อนสถานะของธุรกิจที่แท้จริง โดยสามารถนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์กลยุทธ์ สร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจต่อไปได้


อธิบดีพูนพงษ์ฯ กล่าวต่อว่า กรมฯ ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมและดูแลผู้ทำบัญชี ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 78,000 ราย ทั่วประเทศ ให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีจรรยาบรรณ และรักษามาตรฐานวิชาชีพ ช่วยสร้างความโปร่งใสแก่ภาคธุรกิจ โดยได้ออกประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี พ.ศ. 2568 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

สาระสำคัญของประกาศกรมฯ ฉบับนี้ ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ทำบัญชีไว้ 6 ข้อ คือ 1) มีถิ่นที่อยู่ในไทย 2) มีความรู้ภาษาไทยเพียงพอที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ทำบัญชีได้ 3) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะประกอบวิชาชีพเป็นผู้ทำบัญชี และต้องเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีหรือขึ้นทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชี ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ทั้งนี้ ผู้ทำบัญชีต้องต่ออายุสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีของปีถัดไป ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี เพื่อไม่ให้ขาดคุณสมบัติของการเป็นผู้ทำบัญชี 4) ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเนื่องจากกระทำความผิดตามฐานความผิดหรือกฎหมายที่กำหนดในมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 เว้นแต่ต้องคำพิพากษาหรือพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี 5) มีคุณวุฒิการศึกษาด้านบัญชีตามที่กำหนด และ 6) ผ่านการทดสอบทางระบบงานผู้ทำบัญชี (e-Accountant) ตามหลักเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนด ซึ่งคุณสมบัติข้อสุดท้ายนี้ เป็นคุณสมบัติที่เพิ่มใหม่ เพื่อยกระดับวิชาชีพ โดยวัดความรู้ของผู้ที่จะมาเป็นผู้ทำบัญชี สร้างความเชื่อมั่นให้ธุรกิจ ทั้งนี้ ผู้ทำบัญชีที่คงสถานะเป็นผู้ทำบัญชีอยู่แล้วก่อนวันที่ 1 มกราคม 2569 ไม่ต้องเข้ารับการทดสอบทางระบบงานฯ

ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้ง 6 ข้อ สามารถแจ้งเป็นผู้ทำบัญชีกับกรมฯ ได้ และเมื่อกรมฯ รับแจ้งเป็นผู้ทำบัญชีแล้ว ผู้ทำบัญชีทุกคนจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชีอย่างเคร่งครัด เช่น 1) แจ้ง/ยกเลิกธุรกิจที่รับทำบัญชี โดยดำเนินการภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รับทำบัญชี หรือวันที่ยกเลิกทำบัญชี 2) ยืนยันการรับทำบัญชี เพื่อมีชื่อในแบบนำส่งงบการเงินของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส.บช.3) โดยสามารถยืนยันได้หลังวันสิ้นรอบปีบัญชี แต่ต้องยืนยันก่อนที่ธุรกิจนำส่งงบการเงินต่อกรมฯ 3) รับทำบัญชีได้ไม่เกิน 100 งบการเงินต่อปีปฏิทิน จากเดิมไม่เกิน 100 ราย 4) ต้องเข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพบัญชี (CPD) ไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงต่อปีปฏิทิน โดยเป็นชั่วโมงด้านบัญชี ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้มีชั่วโมงด้านจรรยาบรรณ ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการเพิ่มใหม่ เพื่อส่งเสริมและสร้างความตระหนักรู้ด้านจรรยาบรรณให้แก่ผู้ทำบัญชีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จะต้องแจ้งรายละเอียดการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพบัญชี ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่ได้พัฒนาความรู้ในทุกๆ ปี จากเดิมแจ้งได้ไม่เกิน วันที่ 30 มกราคมของปีถัดไป และ 5) เมื่อไม่ประสงค์จะเป็นผู้ทำบัญชีแล้ว ต้องแจ้งยกเลิกเป็นผู้ทำบัญชีกับกรมฯ โดยถือวันที่ผู้ทำบัญชีแจ้งยกเลิกเป็นผู้ทำบัญชีกับกรมฯ เป็นวันสิ้นสุดเป็นผู้ทำบัญชี

ประกาศกรมฯ ฉบับนี้ จะช่วยสร้างความโปร่งใสและสร้างสภาพแวดล้อมการจัดทำบัญชีที่ดี ให้กับผู้ทำบัญชี รวมถึงภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กรมฯ ได้พัฒนาระบบงานผู้ทำบัญชี (e-Accountant) เวอร์ชั่นใหม่ ให้สอดคล้องกับประกาศกรมฯ และเตรียมพร้อมรองรับการใช้งานของผู้ทำบัญชีเมื่อประกาศกรมฯ มีผลบังคับใช้ อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ทำบัญชีให้ใช้งานง่าย ลดภาระข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ประหยัดเวลา และมีบริการค้นหาตรวจสอบข้อมูลผู้ทำบัญชีที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงการให้บริการของกรมแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top