วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย ร่วมเป็นประธานในงานสัมมนากิจกรรมทางกายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2025 (South-East Asia Physical Activity Conference 2025: SEAPAC 2025) ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรม Centara Grand & Bangkok Convention Centre At CentralWorld พร้อมด้วย Dr. Ailan Li ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) รศ.ดร.ยชนัน วงศ์สวัสดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล และ ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมเป็นประธานและบรรยายหัวข้อ The Promotion of National Policies and Plans for Physical Activity
การสัมมนาครั้งนี้ดำเนินการภายใต้งานความร่วมมือของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำโดย คุณนิรมล ราศรี ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ ร่วมกับศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล นำโดย รศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา เพื่อสร้างโอกาสในการมีกิจกรรมทางกายอย่างเสมอภาค เชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิชาการและผลการวิจัยไปสู่การพัฒนานโยบายและแนวทางปฏิบัติที่ส่งเสริมให้ประชาชนในภูมิภาคสามารถเข้าถึงและมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น
นายแพทย์ปกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยภูมิใจที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการรวมผู้เชี่ยวชาญ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้สนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพจากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายอย่างกว้างขวาง การขาดกิจกรรมทางกายเป็นปัญหาสำคัญของหลายประเทศทั่วโลก ทำให้โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
คุณนิรมล ราศรี ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวเสริมว่า การจัดงานสัมมนาครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายเพียงพอ เพื่อช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพระยะยาว โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั้งในประเทศไทย ระดับภูมิภาค และระดับโลก
ด้าน รศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และผลการวิจัยด้านกิจกรรมทางกายในระดับภูมิภาค เพื่อนำไปสู่การพัฒนานโยบายและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศ
ภารกิจหลักของกรมอนามัยคือการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน โดยเน้นว่าการสร้างสุขภาพดีไม่ควรจำกัดแค่ในโรงพยาบาล แต่ควรสามารถทำได้ทุกที่ ทั้งที่บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน และในชุมชน โดยกรมอนามัยได้ขับเคลื่อนนโยบายและสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
สำหรับแผนแม่บทส่งเสริมกิจกรรมทางกายของประเทศไทย ปี 2561-2573 มีเป้าหมายสร้างวิสัยทัศน์ระดับชาติ เพื่อลดโรค NCDs ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน โดยมี 3 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ การส่งเสริมกิจกรรมทางกายทุกกลุ่มวัย การสร้างสังคมกระฉับกระเฉงและส่งเสริมสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาระบบสนับสนุน มีเป้าหมายให้ 75% ของประชาชนมีกิจกรรมทางกายเพียงพอ และ 60% ของเขตพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
นายแพทย์ปกรณ์ กล่าวว่า ความสำเร็จของการส่งเสริมกิจกรรมทางกายต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งภายในประเทศ เช่น การวางผังเมือง ออกแบบเมืองที่สนับสนุนการเดินและการปั่นจักรยาน การสร้างพื้นที่สีเขียวที่ปลอดภัย การปลูกฝังเด็กให้รักการเคลื่อนไหวตั้งแต่เด็ก รวมถึงภาคเอกชนและการสร้างสถานที่ทำงานที่ส่งเสริมสุขภาพ อีกทั้งเชื่อมโยงกับนโยบายโลก เช่น WHO Global Action Plan on Physical Activity (GAPPA) และ UN Sustainable Development Goals (SDGs) รวมถึงขยายแนวคิดจากการออกกำลังกายไปสู่การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน
การสัมมนา SEAPAC 2025 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง และสร้างพันธมิตรใหม่ระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ใน 14 ประเทศสมาชิก เพื่อร่วมกันส่งเสริมกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอและยั่งยืนในประเทศไทยและทั่วโลก
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี