ชี้ปลายปีตลาดหุ้นฟื้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยหนุน

ชี้ปลายปีตลาดหุ้นฟื้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยหนุน

วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนตุลาคม 2568 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 ตุลาคม 2568)  พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ที่ระดับ 135.73 นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจยูโรโซน รองลงมาคือสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ และความผันผวนของค่าเงินบาท

ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนตุลาคม 2568 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้ 1.ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มกราคม 2569) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120-159) ที่ระดับ 135.73  2.ความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ กลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่และนักลงทุนต่างประเทศ อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” 3.หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพาณิชย์ (COMM)   3.หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION) 4.  ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ 5.ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ  สถานการณ์เศรษฐกิจยูโรโซน


สำหรับผลสำรวจ ณ เดือนตุลาคม 2568 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลด 4.9% อยู่ที่ระดับ 124.30 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 11.6% อยู่ที่ระดับ 137.50 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 7.7% อยู่ที่ระดับ 153.85 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลด 16.0% อยู่ที่ระดับ 140.00  โดยในเดือนตุลาคม 2568 ดัชนี SET ปรับตัวทะลุ 1,300 จุดโดยมีปัจจัยหนุนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่งพลัส และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวซึ่งจะช่วยหนุนกระแสเงินสดในระบบเศรษฐกิจไทย แต่ยังคงมีความกังวลต่อการชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจกลุ่มยุโรปที่ซบเซายืดเยื้อ แรงกดดันด้านการค้าระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ Government Shutdown ของสหรัฐอเมริกา โดย SET Index ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 ปิดที่ 1,309.50 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.77% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ 39,473 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,496 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิรวม 100,739 ล้านบาท

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ผลการเจรจานโยบายการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และ จีน การแก้ปัญหา Government shutdown ของสหรัฐฯ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน แนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลงในหลายประเทศซึ่งอาจทำให้มีการผ่อนคลายนโยบายดอกเบี้ยในประเทศพัฒนาแล้ว ส่งผลให้สภาพคล่องทั่วโลกมีโอกาสไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียโดยรวม ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศทั้งภาคการส่งออก ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ภาคการท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า และผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะจับตามองหุ้นในกลุ่มค้าปลีกซึ่งน่าจะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมากที่สุด อย่างไรก็ตามจากภาวะตลาดหุ้นของวันนี้(12 พ.ย.68) กลับพบว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวร่วงลงมาโดยเฉพาะหุ้น CPAXT ที่ร่วงนำกลุ่ม หลังจากที่มีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 ที่มีกำไรลดลงอย่างมาก และพลาดเป้าคาดการณ์ของตลาดและนักวิเคราะห์ ซึ่งมองว่าปัจจัยหลักมาจากความอ่อนแอของธุรกิจทั้งขายส่งและขายปลีก รวมถึงแรงกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้น โดยผลประกอบการไตรมาส 3/68 ของ  CPAXT รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.86 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวลดลงถึง -22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งผลกำไรที่ออกมานี้ถือว่า ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ถึง 15% และยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 18%

สำหรับภาพรวมกลุ่มค้าปลีกปัจจุบันการลงทุนหุ้นในกลุ่มค้าปลีกยังคงเป็นไปได้ยาก ซึ่งการร่วงลงของกลุ่มค้าปลีกในวันนี้จึงเป็นผลมาจากการกดดันด้านผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ ขณะที่หุ้นที่โดดเด่นในกลุ่มค้าปลีกมองเป็นหุ้น CPALL

 

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top