AWC กำไรสุทธิไตรมาส 3/2568  เติบโตต่อเนื่องสู่ 1,148 ล้าน

AWC กำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 เติบโตต่อเนื่องสู่ 1,148 ล้าน

วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 10.33 น.

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากพอร์ตอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงที่มีความสมดุล โดยมีรายได้รวม 5,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2%  มีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) 2,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5%  และกำไรสุทธิ 1,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% สะท้อนศักยภาพการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ที่ประสิทธิภาพ ภายใต้โครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และพอร์ตโฟลิโอที่สมดุลระหว่างกลุ่มธุรกิจหลัก พร้อมขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง รวมมูลค่าทรัพย์สินถาวร 215,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4%

ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลมีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้ 2,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) อยู่ที่ 1,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% หากไม่รวมกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รายได้ของกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลเพิ่มขึ้น24.1%  และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) เพิ่มขึ้น 24.8%   เป็นผลมาจากรายได้ของกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าที่เติบโตก้าวกระโดด 44.0%  แรงหนุนสำคัญมาจากความสำเร็จของการเปิด “Jurassic World: The Experience” ผ่านความร่วมมือกับทั้งพันธมิตรระดับโลกและพันธมิตรหน่วยงานของรัฐบาล


สร้างปรากฏการณ์ความสนุกตื่นเต้นระดับโลกผ่านประสบการณ์อิมเมอร์ซีฟ ควบคู่กับการสร้างแหล่งการเรียนรู้ ด้านความยั่งยืนผ่านมรดกทางธรณีวิทยาของประเทศไทย นำเสนอไดโนเสาร์สายพันธุ์บินได้พันธุ์ใหม่ของโลก    “การูแดปเทอรัส” ที่ค้นพบในประเทศไทยเป็นครั้งแรกของโลก รวมถึงสายพันธุ์อื่นๆ ที่พบได้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ที่โครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ซึ่งสามารถจำหน่ายบัตรเข้าชมได้มากกว่า 200,000 ใบภายใน 3 เดือนแรก ส่งผลให้โครงการเอเชียทีคมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 26.3%  และอัตราการเช่าพื้นที่แตะ 85% เพิ่มขึ้น 15%  รวมทั้งความสำเร็จของแนวคิด AWC’s Lifestyle Destination ที่มุ่งพัฒนาศูนย์การค้าให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์ที่ร่วมยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ทำให้กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้ามีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น 9.5% สอดคล้องกับรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น 15.3%

ความสำเร็จของโครงการนี้สนับสนุน เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น สู่แลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ที่สามารถดึงดูดผู้เข้าชมได้ตลอดทั้งวัน และได้รับรางวัล “Mall of the Year – Thailand” จากเวที Retail Asia Awards 2025 สะท้อนศักยภาพของเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ในการเป็นจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์ระดับโลก สะท้อนวิสัยทัศน์ของ AWC ในการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนผ่านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน เปิดประสบการณ์ใหม่ที่รวมไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์บริษัท ผู้บริหารและพนักงานขององค์กรชั้นนำ สร้างรายได้โตโดดเด่น 14.8%   และรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น 7.9%   จาก

กลุ่มธุรกิจโรงแรมเติบโตแข็งแกร่ง รับแรงหนุนจากกลุ่มรีสอร์ทลักชัวรีและพอร์ตโรงแรมคุณภาพ  ในไตรมาส 3 ปี 2568 กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ สร้างรายได้จากทรัพย์สินที่เปิดดำเนินงานปกติ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า จากการรับรู้รายได้ของทรัพย์สินใหม่ เช่น โรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย โรงแรม จุบีลี เพรสทีจน์ รัชดาภิเษก และการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา และรายได้ของโรงแรมในกลุ่มรีสอร์ทระดับลักชัวรี และโรงแรมอื่นๆ นอกกรุงเทพฯ ที่มีการเติบโต 1.7%   และ 3.9%   ตามลำดับ

โดยเฉพาะในจุดหมายปลายทางยอดนิยมอย่างเกาะสมุย ที่มีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตถึง 7.1%   จากรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) ที่เพิ่มขึ้น ด้วยความร่วมมือผ่านเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก พร้อมทั้งการมีทรัพย์สินคุณภาพสูง ทำให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพสูง (เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และโอเชียเนีย) ได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 บริษัทมีการเติบโตของรายได้ค่าห้องพักจากกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มนี้ 14%  สูงกว่าการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มนี้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยที่ 11%

นอกจากนี้ ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพควบคู่กับการบริหารต้นทุน ทำให้โรงแรมของบริษัทสามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่สูง อาทิ โรงแรม มีเลีย เกาะสมุย, ไทยแลนด์ มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 57% บันยันทรี สมุย มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 50% และวนาเบลล์ เอ ลักซ์ชูรี คอลเลคชั่น รีสอร์ท เกาะสมุย มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 48%

พอร์ตโรงแรมของ AWC ยังคงแข็งแกร่งกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม สะท้อนผ่านดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index: RGI) โดยเฉพาะโรงแรมในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย โดยโรงแรม

ในหัวหิน มีค่า RGI อยู่ที่ 143 โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ มีค่า RGI อยู่ที่ 121 และโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต มีค่า RGI ที่ 118 นอกจากนี้ ด้วยความสำเร็จจากการเสริมโมเดลกลุ่มไลฟ์สไตล์สำหรับกลุ่มธุรกิจในเครือ อาทิ “เอ-ญ่า รูฟท็อป แอท ดิ เอ็มไพร์” ที่อาคาร “เอ็มไพร์” และการเปิดร้านอาหาร Fossil and Flame ณ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ในไตรมาสนี้  ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง 10.9%

สำหรับโรงแรมที่เปิดดำเนินงานใหม่ในปีนี้ มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยโรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย สามารถเร่งสร้างกำไรจากการดำเนินงานเป็นบวกได้อย่างรวดเร็วภายใน 2 ไตรมาส นับจากเปิดดำเนินงาน ในขณะที่โรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าคุณภาพได้ต่อเนื่อง โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate : ADR) ในไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 5,100 บาทต่อคืน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่งขันในตลาด (Compset) พัทยาที่ 3,300 บาทต่อคืน

การเติบโตของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในไตรมาสนี้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของพอร์ตที่สมดุล ครอบคลุมทั้งโรงแรม ในเมืองและจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก โดยเฉพาะโรงแรมในกลุ่มรีสอร์ทระดับลักชัวรี ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง พร้อมรับแรงหนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตในไตรมาส 4

ภายใต้พันธกิจ “Building Better Future for All” AWC ขับเคลื่อนองค์กรด้วยกรอบแนวคิด 3BETTERs – Better Planet, Better People, Better Prosperity เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งสิ่งแวดล้อม  สังคม และเศรษฐกิจ โดยในปีนี้ บริษัทได้ดำเนินการพัฒนาโครงการในปัจจุบันให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน โดยในกลุ่มอาคารสำนักงาน มีการพัฒนาระบบต่างๆ อาทิเช่น อุปกรณ์ดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคาร รวมทั้งปรับปรุงดูแลสุขภาวะผู้ใช้อาคาร ทำให้อาคารสำนักงานของบริษัทได้รับรองมาตรฐานระดับสากล โดยอาคาร 'เอ็มไพร์' อินเตอร์ลิ้งค์ ทาวเวอร์ บางนา และอาคาร 208 แบงค๊อก ได้รับการรับรองมาตรฐาน WELL Core Platinum ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในประเทศถึง 3 โครงการ สะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนแนวทางด้านความยั่งยืน เพื่อยกระดับสุขภาวะให้แก่ผู้ใช้อาคาร สำนักงานใจกลาง CBD ของกรุงเทพฯ สู่มาตรฐานความยั่งยืนระดับโลก

บริษัทยังเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจโรงแรมและการบริการของ AWC ได้รับแรงหนุนจากช่วงไฮซีซั่นที่กำลังมาถึง โดยยอดจองห้องพักล่วงหน้าของพอร์ตโฟลิโอโรงแรมเพิ่มขึ้น 13% (YoY) โดยเฉพาะในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง เช่น จังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น 17% (YoY) จังหวัดกระบี่เพิ่มขึ้น 11% (YoY) หัวหินและเกาะสมุย 8% (YoY) สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก พร้อมกันนี้  AWC ยังร่วมสนับสนุนมาตรการภาครัฐ “เที่ยวดีมีคืน 2568” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ควบคู่กับการสร้างประสบการณ์น่าตื่นเต้นใหม่อย่างต่อเนื่องที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ด้วยการเตรียมเปิดเครื่องเล่น SkyFlyers ที่มีความสูงเทียบเท่าตึก 30 ชั้นหรือประมาณ 140 เมตร มอบประสบการณ์เสมือนไดโนเสาร์สายพันธุ์บินได้พันธุ์ใหม่ของโลก “การูแดปเทอรัส”

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top