นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/2568 นี้ บริษัทมีรายได้รวม 5,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 9 เดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 16,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการปรับตัวและสร้างโอกาสใหม่ๆ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอน การเติบโตของยอดขายจากตลาดต่างประเทศ ทั้งในกลุ่มประเทศอาเซีย 5 ประเทศ (AEC) เป็นปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันให้รายได้รวมของบริษัทให้เติบโตสวนกระแสได้อย่างน่าประทับใจ

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/2568 พุ่งขึ้นเป็น 37.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นงวด 9 เดือนแรกปี 2568 เท่ากับ 37.7% ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทได้เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดหาวัตถุดิบ การปรับปรุงเครื่องจักร และการนำระบบ automation มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิต ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 เติบโต 266% เป็นเงิน 688 ล้านบาท และสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2568 เพิ่มขึ้น 41% เป็นเงิน 2,073 ล้านบาท จากรายได้รวมและกำไรขั้นต้นที่พุ่งสูงขึ้น

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2568 บริษัทคาดว่ายังคงสดใสต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตนี้ไว้ได้ จากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้สินค้าภายในประเทศที่ยังคงเติบโต เพราะเป็นช่วงไฮซีซันที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์สีและวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ผนวกกับกลยุทธ์สำคัญด้วยการนำเสนอสินค้าแบบ Total Solution พร้อมกับการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค อาทิ นวัตกรรมสีทับหน้ารวมรองพื้น สูตร 2IN1 เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้กับผู้ใช้งาน

ล่าสุดกับแคมเปญสื่อสารการตลาดชุดใหม่ที่สร้างกระแส “เรื่องบ้านข้ออ้างไม่มี - No More Excuse” ด้วยแนวคิดที่สะท้อนอินไซต์ของผู้บริโภค ผ่านหนังโฆษณาวันสิ้นโลก จนกลายเป็นไวรัลดัง ทำยอดวิวทะลุ 4 ล้านวิว รวมทุกช่องทางภายในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว เพื่อกระตุ้นเตือนผู้บริโภคว่าเรื่องของบ้านเป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกมองข้าม โดยมีการสื่อสารครอบคลุมทุกช่องทาง (Digital OOH, Transit, BTS Wrap, Social Media และ Mass Media) ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ ผนวกกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การเติบโตของรายได้จากตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่คาดว่าจะเริ่มมีผลบวกต่อตลาด จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสทางการขาย สร้างการรับรู้ของแบรนด์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดสีอันดับหนึ่งอย่างยั่งยืน