มุมมองนักบริหาร : กลยุทธ์ Energy Symphonics เฟสใหม่ของ ‘บ้านปู’ กำลังผลิดอกออกผล

มุมมองนักบริหาร : กลยุทธ์ Energy Symphonics เฟสใหม่ของ ‘บ้านปู’ กำลังผลิดอกออกผล

วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

** นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2568 สะท้อนถึงการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมั่นคง ท่ามกลางสภาพตลาดพลังงานที่มีปัจจัยท้าทาย ในไตรมาสนี้เราได้ประกาศเฟสใหม่ของกลยุทธ์ “Energy Symphonics” หลังจากที่คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อปลดล็อกมูลค่าและเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับกลุ่มบ้านปู รวมทั้งยังช่วยให้บ้านปูสามารถต่อยอดโอกาสการเติบโตในห่วงโซ่คุณค่าพลังงาน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตอบสนองต่อความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการใช้เทคโนโลยี AI ที่ขยายตัวทั่วโลก

แผนการปรับโครงสร้างครั้งนี้ ช่วยให้เกิดการจัดระเบียบกลุ่มธุรกิจหลักภายใต้กลยุทธ์ “Energy Symphonics” ใหม่ เป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ Next-Gen Mining (เหมืองยุคใหม่) ที่ยกระดับการทำเหมืองด้วยเทคโนโลยี AI และเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตแร่แห่งอนาคต US Closed-Loop Gas (ก๊าซธรรมชาติครบวงจรในสหรัฐฯ) ที่รวมสินทรัพย์ด้านพลังงานก๊าซในสหรัฐฯ ให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ BKV  Power+ (ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง) ขับเคลื่อนธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนและพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) การซื้อขายพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานของก๊าซธรรมชาติ และ Future Tech (เทคโนโลยีแห่งอนาคต) ที่เชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูล (Data Center) และนวัตกรรมด้านพลังงาน


สำหรับไฮไลท์ผลการดำเนินงานของกลุ่มบ้านปูในไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายละเอียดดังนี้ กลุ่มธุรกิจเหมืองยุคใหม่ (Next-Gen Mining) : ผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ ปริมาณการขายในอินโดนีเซีย จีน และมองโกเลียเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ในขณะที่ออสเตรเลีย การย้ายเครื่องจักรตามแผนใน 2 เหมือง ทำให้ปริมาณการขายลดลง ภาพรวมยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับการบริหารต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติครบวงจรในสหรัฐฯ (U.S. Closed-Loop Gas) : ปริมาณการขายรวมเพิ่มขึ้น 3% เทียบกับไตรมาสก่อน จากการเริ่มรับรู้ผลประกอบการจากแหล่งก๊าซธรรมชาติ Bedrock ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ต ทั้งนี้ราคาก๊าซธรรมชาติ Henry Hub มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ระดับกว่า 4 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู (MMBtu) โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณก๊าซสำรองในประเทศที่ลดลง ประกอบกับความต้องการพลังงานและไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยี AI และธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) รวมถึงการขยายตัวของการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สำหรับธุรกิจ CCUS โครงการ Barnett Zero รายงานปริมาณกักเก็บคาร์บอนในไตรมาสนี้ จำนวน 44,000 ตัน

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025 BKV Corporation (BKV) ได้ตกลงเข้าซื้อหุ้นจำนวน 25% ในบริษัท BKV-BPP Power, LLC (Power JV) ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ จาก Banpu Power US Corporation (BPPUS) (บริษัทย่อยที่ BPP ถือหุ้น 100%) โดยธุรกรรมดังกล่าวจะทำให้ BKV ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 75% และคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 1/ 2569 การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมกลยุทธ์ก๊าซธรรมชาติครบวงจรของ BKV และทำให้ BKV สามารถรวมงบการเงินของ Power JV ได้

กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Power+) : ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนและพลังงานหมุนเวียน มีกำลังผลิตรวมอยู่ที่ 4,920 เมกะวัตต์  โดยในไตรมาส 3/2568 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทั้งในไทย ลาว จีน มีผลประกอบการที่ดี ทั้งค่าความพร้อมจ่าย (EAF) และต้นทุนที่ลดลง ในขณะที่โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ มีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Factor) ที่สะท้อนถึงการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ในจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และออสเตรเลีย โดยรวมมีผลดำเนินงานที่มีเสถียรภาพ การก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จินหู เฉียนเฟิง (Jinhu Qianfeng) ในจีน คืบหน้าตามแผน คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2569 ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 1,900 เมกะวัตต์ชั่วโมง การก่อสร้างโครงการวูรีน (Wooreen) ในออสเตรเลีย กำลังการผลิตติดตั้ง 350 เมกะวัตต์ และความจุพลังงานไฟฟ้า 1,400 เมกะวัตต์ชั่วโมง คืบหน้าตามแผนและคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายใน ปี 2570 สำหรับธุรกิจการซื้อขายไฟฟ้าในญี่ปุ่น ช่วง 9 เดือนของปี 2568 สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเป็นจำนวนรวม 5,325 กิกะวัตต์ชั่วโมง ให้บริการลูกค้ารวม 1,875 ราย โดยได้มีการนำระบบ AI คาดการณ์ราคาซื้อขายไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไร

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีแห่งอนาคต (Future Tech) : ปัจจุบันมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดกำลังการผลิตรวม 3.2 กิกะวัตต์ชั่วโมง และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (E-Mobility) ซึ่งบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 876 คัน เร็วๆนี้บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการโซลาร์รูฟท็อป กำลังการผลิตรวม 227 เมกะวัตต์ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะในเวียดนาม 2 แห่ง ได้แก่ อมตะซิตี้ ฮาลอง และอมตะซิตี้ ลองถั่น โดยจะเริ่มดำเนินการในช่วงต้นปี 2569 บริษัทยังคงเดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อเสริมแกร่งให้ระบบนิเวศพลังงานสะอาดของกลุ่มบ้านปู

ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 1,358 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 43,878 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 296 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,560 ล้านบาท) และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,055 ล้านบาท) (รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 12.54 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยบริษัทยังคงรักษาวินัยในการดำเนินงาน ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน บริหารต้นทุน สร้างกระแสเงินสด และเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารพอร์ตธุรกิจ

สำหรับการปรับโครงสร้างธุรกิจในเฟสใหม่ คณะกรรมการมีมติอนุมัติโครงสร้างธุรกิจในเฟสใหม่ของกลยุทธ์ Energy Symphonics โดยถือเป็นการสร้างคุณค่าให้กับกลุ่มบ้านปูอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ด้านโครงสร้าง เพิ่มความชัดเจนในแต่ละกลุ่มธุรกิจหลัก ,ด้านกลยุทธ์ สร้างโอกาสในการเติบโตและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์ และด้านการเงิน สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ในตลาดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงิน ทั้งนี้หากผ่านกระบวนการต่างๆในการควบบริษัท (Amalgamation) ระหว่างบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) และบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) เป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะจัดตั้ง “บริษัทใหม่” หรือ “NewCo” และนำ NewCo เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2569

ทั้งนี้กระบวนการสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดังนี้ บ้านปูจะทำคำข้อเสนอรับซื้อหุ้น BPP เป็นการทั่วไป (General Offer) จากผู้ถือหุ้นรายอื่น ในสัดส่วนไม่เกิน 21.34% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 13.00 บาท โดยมีกำหนดเปิดให้ผู้ถือหุ้นของ BPP แสดงความจำนงตอบรับคำเสนอซื้อระหว่างวันที่ 1 ถึง 23 ธันวาคม 2568  หลังจากนั้น บริษัทได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2569 เพื่อพิจารณาแผนปรับโครงสร้างของบริษัท ในวันที่ 29 มกราคม 2569 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) และบริษัทจะชี้แจงรายละเอียดของกระบวนการและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม General Offer ให้ผู้ถือหุ้นทราบ พร้อมจัดส่งหนังสือเชิญประชุมให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์ **

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top