คลังสินค้าแข่งขันเข้มข้น หน้าเก่าหน้าใหม่งัดกลยุทธ์ชิงลูกค้า

คลังสินค้าแข่งขันเข้มข้น หน้าเก่าหน้าใหม่งัดกลยุทธ์ชิงลูกค้า

วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจคลังสินค้า ว่า ปริมาณพื้นที่คลังสินค้าที่มีสัญญาเช่ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(YOY) มาอยู่ที่ 5.03 ล้านตารางเมตร ในปี 2025 และคาดว่าจะเติบโตในอัตราชะลอตัวลงที่ 4.7%YOY ในปี 2026 มาอยู่ที่ 5.26 ล้านตารางเมตร

ความต้องการใช้งานพื้นที่คลังสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 1) การเริ่มเดินสายการผลิตของโรงงานที่กระจายฐานการผลิตมาไทยในช่วงปี 2022-2024 ทำให้เกิดความต้องการพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบ ชิ้นส่วนประกอบ และสินค้าสำเร็จรูป


2) การนำเข้าและส่งออกของไทยในปี 2025 ที่คาดว่าเติบโต 5.5%YOY และ 5.3%YOY ตามลำดับ แต่มีแนวโน้มหดตัวลงในปี 2026 จากผลของมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกชัดเจนขึ้นอย่างไรก็ตามการเร่งระบายสินค้าของจีนมาไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยหนุนต่อความต้องการพื้นที่คลังสินค้าให้ยังคงขยายตัวได้

3) ตลาด E-commerce ที่ยังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และการแข่งขันกับช่องทางออฟไลน์ด้วยการส่งสินค้าที่รวดเร็วขึ้น

ขณะที่ปริมาณพื้นที่คลังสินค้าตามแผนของผู้ให้บริการรายเดิมและการเข้าสู่ตลาดของผู้ให้บริการรายใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 9.9%YOY อยู่ที่ 6.22 ล้านตารางเมตร ในปี 2025 และขยายตัวที่ 5.3%YOY มาอยู่ที่ 6.55 ล้านตารางเมตรในปี 2026 เพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการพื้นที่คลังสินค้าที่ยังมีโอกาสเติบโตส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit (รูปแบบคลังสินค้าที่ออกแบบและก่อสร้างตามความต้องการเฉพาะของผู้เช่าแต่ละราย) ซึ่งทำสัญญาเช่าระยะยาวล่วงหน้าก่อนการก่อสร้าง ทำให้อัตราการปล่อยเช่าพื้นที่คลังสินค้าใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ 80.9% ในปี 2025 และ 80.4% ในปี 2026

อย่างไรก็ดีธุรกิจคลังสินค้ายังต้องเผชิญความท้าทายทั้งจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าที่มีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สูง เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงสินค้าที่ถูกพิจารณาเป็นสินค้าสวมสิทธิ์ ที่ส่งผ่านมายังไทยเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ และความผันผวนของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก อาจทำให้ปริมาณการผลิตและการส่งออกของไทยลดลง ทำให้ความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าลดลงตามไปด้วย รวมถึงต้นทุนการพัฒนาคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากราคาที่ดินและค่าก่อสร้างที่สูงขึ้น รวมถึงข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ทำให้ผู้พัฒนาคลังสินค้าต้องยกระดับการก่อสร้างและระบบบริหารจัดการให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

การแข่งขันในธุรกิจคลังสินค้ายังมีแนวโน้มเข้มข้นขึ้น จากการขยายพื้นที่คลังสินค้าของผู้ให้บริการรายเดิม และการเข้าสู่ตลาดของผู้เล่นรายใหม่ ทำให้นอกจากทำเลที่ตั้งของคลังสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาดแล้ว การสร้างความแตกต่างผ่านการนำเสนอบริการที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้ อาทิ

1) การให้บริการเสริมที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่งผู้เช่าสามารถเลือกใช้บริการที่มีอยู่หลากหลายได้ตามต้องการ

2) การลงทุนในเทคโนโลยีและการให้บริการระบบอัตโนมัติที่ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการดำเนินงานให้แก่ผู้เช่าได้

3) การเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และคลังสินค้าสำหรับสินค้าอันตราย รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าขนาดเล็กในเมือง 

นอกจากนี้การนำแนวทางพัฒนาคลังสินค้าสีเขียว (Green warehouse) ที่เน้นใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และสามารถดึงดูดผู้เช่าคลังสินค้าอีกทั้งยังเป็นโอกาสในการเติบโตได้ในระยะยาว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top