Q3ยอดสินเชื่อลดลง1% ภาคธุรกิจจ่ายคืนมากกว่ากู้ใหม่

Q3ยอดสินเชื่อลดลง1% ภาคธุรกิจจ่ายคืนมากกว่ากู้ใหม่

วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย สายงานกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงข่าวสรุปภาพรวมธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 3 ปี 2568 โดยระบุระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง  สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 3 ปี 2568 โดยรวมยังหดตัว ใกล้เคียงไตรมาสก่อนอยู่ที่ติดลบ -1.0  % จากระยะเดียวกันปีก่อน จากสินเชื่อธุรกิจ SMEs และสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่ยังหดตัวต่อเนื่อง ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัวเล็กน้อย ขณะที่ความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ลดลงในขณะที่การชำระคืนหนี้เพิ่มขึ้น

ด้านคุณภาพสินเชื่อ NPL (Stage 3 ) ในภาพรวมค่อนข้างทรงตัว จาก New NPL ที่ชะลอลงเป็นสำคัญ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อ Stage 3 ไตรมาส 3 ปี 2568 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 544.0 พันล้านบาท โดย สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวม ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.94 % ส่วนหนึ่งจากผลของฐานสินเชื่อที่หดตัว สำหรับสินเชื่อ Stage 2  ปรับเพิ่มขึ้น ตามการจัดชั้นเชิงคุณภาพจากปัจจัยเฉพาะรายของลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ และส่วนหนึ่งจากการปรับชั้นดีขึ้นของ NPL ส่งผลให้สัดส่วน stage 2 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.24  %  อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริหารจัดการคุณภาพหนี้   ส่วนผลการดำเนินงานปรับลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง ตามการหดตัวของสินเชื่อ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ ทั้งจากการปรับลดโดยธนาคารและตามมาตรการคุณสู้ เราช่วย


อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามภาวะการเงินที่ยังตึงตัวและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ SMEs และครัวเรือนท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังชะลอลงจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ และรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ทั้งนี้ ความช่วยเหลือภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” มีส่วนช่วยบรรเทาภาระหนี้ของ SMEs และครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ไตรมาส 2 ปี 2568 ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน จากสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ขยายตัวชะลอลงเป็นสำคัญ  ขณะที่ภาคธุรกิจมีสัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ลดลงตาม

การก่อหนี้ที่ลดลงเป็นสำคัญ ด้านความสามารถในการทำกำไรลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนเกือบทุกประเภทธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามภาวะตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัว

ส่วนภาพรวมของ  โครงการ “คุณสู้ เราช่วย”(โครงการฯ) เพื่อช่วยลดภาระหนี้และเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวทางการเงินของประชาชน ซึ่งครบกำหนดการลงทะเบียนเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นั้น ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงสิ้นสุดการลงทะเบียน มีลูกหนี้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 9.4 แสนราย ครอบคลุมยอดหนี้ 6.2 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือภายใต้มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” ประกอบด้วยลูกหนี้สินเชื่อรถ 3.1 แสนราย สินเชื่อบ้าน 2.5 แสนราย และสินเชื่อ SMEs 1.7 แสนราย ซึ่งช่วยให้ลูกหนี้สามารถรักษาทรัพย์สินสำคัญที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและประกอบธุรกิจเอาไว้ได้ รองลงมาเป็นลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือภายใต้มาตรการ “จ่าย ปิด จบ” จำนวน 1.6 แสนราย และมาตรการ “จ่าย ตัด ต้น” อีก 5.1 หมื่นราย และ ณ. วันที่ 30 กันยายน 2568 ดำเนินการ ไปแล้วทั้งสิ้น 6.2 แสนราย คิดเป็น 66 % ของลูกหนี้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ ทั้งหมด ครอบคลุมยอดหนี้4.4 แสนล้านบาท คิดเป็น 71 % ของยอดหนี้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ

ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการฯ ช่วยให้ลูกหนี้ 1. มีภาระการผ่อนชำระหนี้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากค่างวดที่ลดลง ส่งผลให้ลูกหนี้มีเงินเหลือสำหรับการดำรงชีพและใช้หมุนเวียนเพื่อประกอบธุรกิจมากขึ้น 2. การนำค่างวดทั้งหมดไปตัดต้นเงินทำให้ลูกหนี้สามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและ SMEs สะท้อนจากต้นเงินของหนี้ที่ลดลงได้เร็วขึ้นกว่า 1.5–2 เท่าเทียบกับช่วงก่อนเข้ามาตรการ 3. ลูกหนี้จำนวนมากสามารถรักษาทรัพย์สิน เช่น บ้าน รถ หรือสถานประกอบการ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและประกอบธุรกิจไว้ได้  นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีส่วนช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของลูกหนี้ SMEs และลูกหนี้รายย่อยกลุ่มเปราะบาง โดยพบว่าลูกหนี้ในโครงการฯ ที่กลับมาชำระหนี้ได้เป็นปกติมีสัดส่วนสูงถึงประมาณ 80 % ของจำนวนบัญชีที่เข้าโครงการฯ ทั้งหมด อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้สถานการณ์ตลาดรถยนต์มือสองปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากปริมาณรถถูกยึดที่ลดลง และอัตราผลขาดทุนจากการขายรถยึด (Loss on Sale) ที่ปรับลดลง

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top