นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่าบริษัทฯ เร่งก่อสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm )ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่ง TPCH เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท แม่โขง พาวเวอร์  (MKP) ในสัดส่วน 40% ประกอบธุรกิจผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว และได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันมีความคืบหน้ามากกว่า 60%มีแผนที่จะดําเนินการ Pre-COD บางส่วน เพื่อจําหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์เต็มกําลังการผลิตได้ ภายในไตรมาส 1/2569 และจะทยอยรับรู้รายได้เต็มจํานวนภายในไตรมาส 2/2569

          “การก่อสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว คาดว่า จะ COD ได้เต็มรูปแบบในไตรมาส 1/2569 จะส่งผลให้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แตะระดับ 190.2 เมกะวัตต์ และช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ” นางกนกทิพย์กล่าว

         นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCHกล่าวว่า สำหรับการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในประเทศ ทั้งการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้รับใบอนุญาตก่อสร้างอาคารแล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่ โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ นนทบุรี (SPNT) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ มีการปรับปรุงแก้ไขเครื่องจักร ให้สามารถเดินเครื่องให้มีความเสถียรมากขึ้น
       

 ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล  7 แห่ง ประกอบด้วย CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ มีการปรับกลยุทธ์ในการพัฒนาประสิทธิภาพการเดินเครื่องให้มีศักยภาพมากขึ้น พร้อมควบคุมต้นทุนในการผลิต ควบคู่กับการแสวงหาแหล่งเชื้อเพลิงใหม่ และยังติดตามนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้

-032