วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC เผยแพร่บทวิเคราะห์ เรื่อง ทิศทางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยปี 2569 โดยระบุว่า มูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยในปี 2569 มีแนวโน้มกลับมาหดตัว -10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY ) แม้ว่าในปี 2568 การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยจะมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง จากอานิสงส์การเร่งนำเข้าและวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าคอมพิวเตอร์และ HDD ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มความต้องการเทคโนโลยี AI และธุรกิจ Data center ที่ขยายตัว โดยคาดว่าจะเติบโตสูงถึงราว 33% YoY แต่ในปี 2569 คาดว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยในภาพรวมมีแนวโน้มกลับมาหดตัว แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2569 การส่งออกในกลุ่มสินค้า Hi-Tech เช่น คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ยังคงได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นที่สิ้นสุดลงช้ากว่าที่คาดจากอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับ AI ที่ดีต่อเนื่อง
ทั้งนี้การส่งออกในภาพรวมยังคงหดตัว โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่สูงในปีก่อนหน้า ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลงตามอุปสงค์โลกที่แผ่วลง และจะเริ่มส่งสัญญาณชัดเจนมาขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2569 ยิ่งไปกว่านั้น แนวโน้มการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังต้องเผชิญความเสี่ยงที่มากขึ้นจากการแข่งขันที่สูงขึ้นและความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการปรับขึ้นภาษีเจาะจงเฉพาะสินค้า (Specific tariff) ในกลุ่มสินค้าไฮเทค เช่น เซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์สื่อสาร และคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคบางส่วนในระยะข้างหน้า
ขณะที่ในระยะกลาง (2570-2572) คาดว่ามูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากความเสี่ยงรอบด้านทั้งความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไทยไปยังตลาดโลกและตลาดสหรัฐฯ แม้ว่าความต้องการในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของตลาดโลก จะยังมีแนวโน้มขยายตัวจากความต้องการของกลุ่มสินค้าขั้นปลาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กลุ่ม Data storage รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น อย่างไรก็ดี ยังคงต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่อาจมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังมีประเด็นที่ต้องจับตาจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของสหรัฐฯที่อาจรุนแรงขึ้น และ ทิศทางการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ตลอดจนโอกาสทางธุรกิจใหม่ในยุค AI
นอกจากนี้ผลกระทบจาก Trump’s tariff ต่ออุตสาหกรรม E&E การเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษีเจาะจงเฉพาะสินค้า การเก็บภาษีสินค้าสวมสิทธิ์และการกำหนดหลักเกณฑ์ Local content ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้า E&E ไปตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มที่พึ่งพาสหรัฐฯ เป็นหลัก เช่น คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ดังนั้น แนวโน้มการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ที่ส่งผลให้อุตสาหกรรม E&E จำเป็นต้องปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการเติบโตของสินค้าไฮเทคมากขึ้น
SCB EIC มองว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ ดังนี้ 1. จัดทำแผนประเมินความเสี่ยง/ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีและสินค้าสวมสิทธิ์ รวมถึงการทบทวนต้นทุนการผลิต และมองหาพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากจีนและเพิ่มสัดส่วนวัตถุดิบในประเทศให้มากขึ้น 2. เปิดตลาดใหม่เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ โดยกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดอื่น ๆ ที่มีศักยภาพมากขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ เช่น อาเซียน, ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา เป็นต้น 3. การพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สีเขียวมากขึ้น ตั้งแต่การจัดหาวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมีอันตราย ไปจนถึงการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ 4. การส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานที่มีทักษะสูงและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานมากขึ้น เช่น วิศวกรผู้ชำนาญ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ นักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เป็นต้น 5. การส่งเสริมการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดการผลิตสินค้าต้นน้ำที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี