ปณท.ไทย – ลาว เชื่อมระบบขนส่งขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ปณท.ไทย – ลาว เชื่อมระบบขนส่งขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 13.16 น.

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เดินหน้าเสริม  สร้างศักยภาพเศรษฐกิจอีคอมเมิร์ซและการค้าระหว่างประเทศจากไทยสู่ สปป.ลาว ขยายบทบาท ผู้นำโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ลาว จำกัด ประชุมความร่วมมือ ด้านไปรษณีย์ครั้งที่ 29 เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสองชาติผ่าน 5 โซลูชันยุทธศาสตร์ เน้นการขับเคลื่อน  e-Commerce ข้ามพรมแดน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ และนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัล เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทย-ลาว-จีน มุ่งสู่การเป็น “Trusted ASEAN Brand” สู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2025 ผู้บริหารจากไปรษณีย์ไทย นำโดย ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับไปรษณีย์ลาว โดยมี ฤทธิกร ภูมิศักดิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ลาว จำกัด เข้าร่วมลงนามครั้งนี้


ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันการค้าชายแดนระหว่างไทยและ สปป.ลาว มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์เดือนกันยายนปี 2568 พบว่ามูลค่าการค้ารวมระหว่างสองประเทศมีมูลค่ากว่า 23,952 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.8%  ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของตลาด e-Commerceในลาวที่มีการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว                       

ทั้งนี้ส่งผลให้โครงสร้างด้านเครือข่ายขนส่งและระบบการชำระเงิน มีบทบาทสำคัญต่อ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสองประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง ดังนั้น ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์  ระหว่างไปรษณีย์ไทยและไปรษณีย์ลาว จึงนับเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจดิจิทัล   ในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะในระเบียงเศรษฐกิจไทย–ลาว–จีน ซึ่งมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง ตามแนวเส้นทางรถไฟจีน–ลาว ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวของโลจิสติกส์ทางบก

อย่างไรก็ตามแม้ มาตรการภาษีทรัมป์ที่ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจไปรษณีย์ของทั้งสองประเทศ อย่างฝั่งของไปรษณีย์ไทยประสบปัญหารายได้ระหว่างประเทศลดลงที่ประมาณ 10% คิดเป็นเงินราว  200 ล้านบาท ในขณะที่ฝั่งลาวที่ต้องรับภาษี 40% การยกเลิกการลดหย่อนภาษีพัสดุที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อรายได้ของไปรษณีย์ลาว เนื่องจากรายได้จากการส่งพัสดุไปสหรัฐฯ เคยคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ของรายได้ระหว่างประเทศทั้งหมด

ขณะเดียวกันความร่วมมือดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดขนส่งได้มากขึ้น โดยการเปิดให้มีการซื้อขายและส่งสินค้าข้ามพรมแดนจะยังช่วยด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ เนื่องจากชาวลาวเองก็มีการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้จะช่วยเสริมศักยภาพทางธุรกิจของทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น เล็งเห็นความจำเป็นในการพัฒนาความร่วมมือให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก จากแนวโน้มการเติบโตที่เกิดขึ้นของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค ไปรษณีย์ไทยและไปรษณีย์ลาว จึงเห็นความสำคัญที่จะขยายโอกาสเพื่อภาคธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทย-ลาว และภาคการค้าระหว่างประเทศให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

โดยมียุทธศาสตร์หลักร่วมกัน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1. การยกระดับความปลอดภัยและมาตรฐานสากลของการขนส่งไปรษณีย์ ผ่านระบบส่งต่อถุงเมล์แบบปิด–เปิด ทั้งทางอากาศ ภาคพื้น และบริการ EMS ข้ามสะพานมิตรภาพไทย–ลาว เชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านศุลกากรและ  เพิ่มความโปร่งใสในการตรวจปล่อยสินค้า 2. การพัฒนาบริการ e-Commerce ข้ามพรมแดน  โดยขยายบริการ ePacket และ COD ไทย–ลาว–จีน เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถส่งสินค้าข้ามพรมแดนได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ตอบรับกระแสการเติบโตของตลาดดิจิทัลในภูมิภาค          3. การเสริมศักยภาพทางการเงินดิจิทัล ด้วยบริการ e-Wallet และช่องทางชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมต่ออายุความร่วมมือแบบ Exclusive กับ Western Union สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศมุ่งเพิ่มทางเลือกที่ปลอดภัย โปร่งใส และทันสมัยแก่ผู้ใช้บริการ 4. การสร้างภาพลักษณ์  ผ่านการตลาดและตราไปรษณียากร เพื่อสะท้อนมิตรภาพและวัฒนธรรมของสองประเทศ  ผ่านการจัดทำแสตมป์เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย–ลาว และ 5. การพัฒนาศักยภาพบุคลากรและ การเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และอบรมในรูปแบบ Onsite และ Virtual Learning ระหว่างบุคลากรไปรษณีย์ไทย–ลาว เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการของทั้งสององค์กร

นาย ฤทธิกร ภูมิศักดิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ลาว จำกัด กล่าวว่า  ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยและไปรษณีย์ลาวในการประชุมความร่วมมือด้านไปรษณีย์ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 29 เป้าหมายของทั้งสองไม่เพียงเป็นการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ระหว่างสองประเทศแต่ยังเป็นการวางรากฐานสนับสนุนด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และยังเป็นการต่อยอดสู่ความร่วมมือในเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมทุกมิติของธุรกิจ เพื่อตอบรับต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลและการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งทั้งสองฝ่ายอาจจะมีความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาระบบร่วมกันในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาลาวนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเกือบทุกชนิดกว่า 80%  และปัจจุบันลาวมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซบนทุกแพลตฟอร์มประมาณ  10,000 ล้านบาทต่อปี

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top