ภายหลังการดำเนินกระบวนการอนุญาโตตุลาการกรณีข้อพิพาทเหมืองแร่ทองคำระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ในฐานะผู้ถือหุ้นของเหมืองแร่ทองคำอัคราฯ มาเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี คณะอนุญาโตตุลาการได้รับทราบการขอยุติข้อพิพาทแล้ว เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 และอยู่ระหว่างการจัดทำคำสั่งการยุติคดีโดยสมบูรณ์ต่อไป

ตามที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด (สัญชาติออสเตรเลีย) ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัท อัครารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้องคดีตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการต่อราชอาณาจักรไทย ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2560 นั้น บัดนี้คณะอนุญาโตตุลาการได้รับทราบการขอยุติคดีดังกล่าว และจะมีการออกคำสั่งยุติคดีโดยสมบูรณ์ต่อไป

ข้อพิพาทดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2557 จากการร้องเรียนของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่ประกอบการเหมืองแร่ทองคำว่าก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ต่อมาในปี 2559 จึงมีคำสั่งระงับการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศชั่วคราว เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาจากการประกอบการที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน เป็นเหตุให้คิงส์เกตขอเข้าเจรจากับรัฐบาลไทยตามกลไกของ TAFTA และเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการในปลายปี 2560

ในระหว่างขั้นตอนของกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ทั้ง 2 ฝ่ายได้เจรจาเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันในการยุติข้อพิพาทควบคู่กันไป โดยในช่วงดังกล่าวอัคราได้กลับมาดำเนินการกระบวนการขออนุญาตต่างๆที่ค้างอยู่ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 และกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ จนเริ่มประกอบกิจการได้อีกครั้งในปี 2566 ปัจจุบันอัคราดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำในเขตติดต่อของอ.ทับคล้อ จ.พิจิตร และอ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์

โดยล่าสุดคิงส์เกตได้แสดงความประสงค์ที่จะยุติข้อพิพาท เนื่องจากเห็นว่าการยุติข้อพิพาทจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายมากกว่า จึงแจ้งต่อคณะอนุญาโตตุลาการเพื่อขอยุติกระบวนการอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 และคณะอนุญาโตตุลาการอยู่ระหว่างการออกคำสั่งยุติคดี โดยไม่มีการตัดสิน อย่างเป็นทางการต่อไป

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เปิดเผยว่า การดำเนินการระงับข้อพิพาทที่ผ่านมา ได้ดำเนินการภายใต้ทีมงานที่มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นองค์ประกอบอย่างครบถ้วน การยุติคดีข้อพิพาทดังกล่าวลงได้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของไทยในอนาคต