วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“สารัชถ์ รัตนาวะดี” แห่ง บมจ.กัลฟ์ฯ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย ปี 2568 รวย 1.89 แสนล้านบาท ครองแชมป์ 7 ปีซ้อน ส่วนอันดับ 2 “นิติ โอสถานุเคราะห์” ทายาทโอสถสภา ถือหุ้นรวมมูลค่า 4.73 หมื่นล้านบาท ส่วน ‘หมอเสริฐ’ ได้อันดับ 3 รวย 3.31 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม วารสารการเงินธนาคาร เดือนธันวาคม 2568 จัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีที่ 32 โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาถือหุ้นในสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 30 กันยายน2568 โดยปรากฏว่า แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 ยังคงเป็นของสารัชถ์ รัตนาวะดีประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ซึ่งครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่7 โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 189,992.47 ล้านบาท ลดลง 50,349.43 ล้านบาท หรือ 20.95% อาทิ หุ้น GULF ในสัดส่วน 29.19% สูงเป็นอันดับ 1 คิดเป็นมูลค่า 189,684.32 ล้านบาท และ บมจ.ไอ-เทลคอร์ปอเรชั่น (ITC) ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่เป็นบริษัทลูกของไทยยูเนี่ยน 0.65% มูลค่า 308.15 ล้านบาท
ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของสารัชถ์ในปีนี้ลดลงไป 50,349.43 ล้านบาท เนื่องจากราคาหุ้น GULF ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 อยู่ที่ 43.50 บาท จากราคา 57.00 บาท ในปี 2567 โดยลดลงไป 13.50 บาท หรือ 23.68% อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ถือครองจะลดลงในปีนี้ แต่ตลอด 7 ปี มูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ถือครองยังคงอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาททุกปี
อันดับ 2 ได้แก่ นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา คงอันดับเดียวกับปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 47,313.08 ล้านบาท ลดลง 12,159.34 ล้านบาท หรือ 20.45% สำหรับหุ้นในพอร์ตการลงทุนยังอยู่ใน 10 บริษัทเช่นเดียวกับปีที่แล้ว อาทิ บมจ.โอสถสภา (OSP) บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) บมจ.โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ส่วนอันดับ3 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ ‘หมอเสริฐ’เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยครองอันดับ 3 ไว้ได้อีกปี ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 33,062.33 ล้านบาท ลดลง 17,602.89 ล้านบาท หรือ 34.74% อาทิ หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) 9.18% และ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) 11.38%อันดับ4และ5 ได้แก่ 2 เจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) ซึ่งคงอันดับเดิม โดยดาวนภา เพ็ชรอำไพ อยู่ในอันดับ 4 ถือหุ้น MTC 33.96% มูลค่า 29,160 ล้านบาท ลดลง 6,480 ล้านบาท หรือ 18.18% ส่วนชูชาติ เพ็ชรอำไพ อยู่อันดับ 5 รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 28,878.71 ล้านบาท ลดลง 6,561.89 ล้านบาท หรือ 18.52% โดยถือหุ้น MTC 33.49% และ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) 2.32%
อันดับ6 ได้แก่ ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ทายาท นพ.ปราเสริฐ โดยอยู่ในอันดับเดิมถือหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) 5.81% และ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) BA 6.49% รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 20,732.61 ล้านบาท ลดลง 10,210.61 ล้านบาท หรือ 33%อันดับ 7 ได้แก่ ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานคณะกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย ปีนี้ขยับขึ้นมาติดทำเนียบ Top 10 เศรษฐีหุ้นไทยเป็นครั้งแรก โดยขยับขึ้นจากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 18,088.53 ล้านบาท ลดลง 134.67 ล้านบาทถือครองหุ้นทั้งหมด 11 บริษัทเช่นเดียวกับปีที่แล้ว แต่ปีนี้มีสัดส่วนการถือครองเพิ่มขึ้นทุกบริษัท อาทิ หุ้น บมจ.ศุภาลัย (SPALI) 34.53% บมจ.บางกอกแร้นช์ (BR) 12.69% บมจ.แพรนด้าจิวเวลรี่ (PDJ) 12.95%
อันดับ 8 ได้แก่ สุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เจ้าของเครือธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอที กลับเข้าสู่ทำเนียบ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้งขยับขึ้นจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว ถือหุ้นรวมมูลค่า 17,208.38 ล้านบาท ลดลง 310.97 ล้านบาท หรือ1.78% พอร์ตลงทุนของสุระในปีนี้มีหุ้นทั้งหมด 21 บริษัทเท่ากับปีที่แล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงตัวหุ้นเล็กน้อย ซึ่งหุ้นที่ยังคงถือครองเหมือนปีที่แล้ว 16 บริษัท อาทิ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) 25.05% บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) 0.81% บมจ.เอ็มวิชั่น (MVP) 7.00% บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) 6.77%
อันดับ 9 ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) หล่นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 16,063.10 ล้านบาท ลดลง 3,395.31 ล้านบาท หรือ 17.45% ประกอบด้วย หุ้น BTS 31.73% กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) 2.14% และ บมจ.ซุปเปอร์ เทอร์เทิล (TURTLE) 1.64%และอันดับ 10 ได้แก่ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ผู้ก่อตั้งคลินิกเสริมความงาม “พงศ์ศักดิ์คลินิก” นักลงทุนรายใหญ่ที่ปีนี้มีพอร์ตการลงทุนมูลค่ารวม 15,404.11 ล้านบาท ลดลง 1,796.82 ล้านบาท หรือ 10.45% โดยกลับเข้ามาติด TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง หลังจากที่หล่นไปอยู่อันดับ 14 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหุ้นในพอร์ตที่เหมือนกับปีที่แล้วมี 10 บริษัท อาทิบมจ.คอมเซเว่น (COM7) 19.81% บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) 9.96% บมจ.วอริกซ์สปอร์ต (WARRIX) 9.06%
อย่างไรก็ตาม ในปี2568 ตระกูลรัตนาวะดี ของสารัชถ์ รัตนาวะดี ยังคงครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 โดยมีความมั่งคั่งรวม 189,992.47 ล้านบาท ลดลง 50,349.43 ล้านบาท หรือ 20.95% ส่วนอันดับ 2 ตระกูลจิราธิวัฒน์ โดยเครือญาติรวม 48 คน ถือครองหุ้นรวมกันมูลค่า 70,933.48 ล้านบาท ลดลง 20,614.23 ล้านบาท หรือ 22.52% อันดับ 3 ตระกูลปราสาททองโอสถ โดย 6 เครือญาติถือครองหุ้นรวมกันเป็นมูลค่า 65,049.21 ล้านบาท ลดลง 37,630.57 ล้านบาท หรือ 36.65%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี