กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าสร้างความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง โดยจัดสัมมนาเชิงวิชาการ “RVC – Transshipment : การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการกับหลักเกณฑ์ใหม่ของสหรัฐฯ” รอบที่ 3 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting ซึ่งถือเป็นการขยายผล จากการจัดสัมมนารอบที่ 1 และรอบที่ 2 กับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อให้ข้อมูลเข้าถึงทุกกลุ่มธุรกิจได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างสูง มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200 คน เพื่อรับทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎถิ่นกำเนิดสินค้าและการป้องกันการสวมสิทธิถิ่นกำเนิด

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ โดยมุ่งช่วยผู้ประกอบการไทยเตรียมความพร้อมในการรับมือมาตรการภาษีและกฎเกณฑ์ด้านถิ่นกำเนิดสินค้า รวมถึงประเด็นการสวมสิทธิ (Transshipment) ซึ่งมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐอเมริกาและตลาดโลก

การสัมมนาผ่านระบบออนไลน์ครั้งนี้ ช่วยให้ข้อมูลสำคัญด้านกฎถิ่นกำเนิดเข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการได้ทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการส่งออกอยู่แล้ว อาทิ เหล็ก อลูมิเนียม ยานยนต์ อาหารแปรรูปแช่แข็ง บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ที่ติดตามสถานการณ์ด้านมาตรการการค้าของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด และต้องการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวต่อกฎระเบียบใหม่ ผู้เข้าร่วมให้ความสนใจในการรับฟังการบรรยายและซักถามข้อสงสัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแนวทางการปฏิบัติตามกฎถิ่นกำเนิดสินค้าและขั้นตอนการขอตรวจถิ่นกำเนิดที่ถูกต้อง

นางอารดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ความรู้ที่ได้รับจากการสัมมนารอบนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้ประกอบการ ส่งผลให้สามารถลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบหรือถูกปฏิเสธสิทธิประโยชน์ทางการค้า และสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ จะช่วยยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้อง เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศของไทย  ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ คต. มีแผนเดินหน้าจัดสัมมนา RVC – Transshipment อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายองค์ความรู้ไปยังผู้ประกอบการในหลายภาคธุรกิจให้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมสนับสนุนภาคเอกชนไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

-031